ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติ ต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้ ?
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเตือนชาวโลกไว้ว่า
พวกเธอเกิดมาพร้อมกับอวิชชา คือ ความไม่รู้จักตัวเอง ถ้ายังปล่อยให้เป็นสภาพนี้ต่อไปเธอทั้งหลายก็ยังต้องเวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จบ ถ้าจะเลิกเวียนเกิดเวียนตาย
เธอจะต้องรีบฝึกตัวเองให้รู้จักตนเองให้ได้ว่า เราเป็นใคร ก่อนเกิดมาจากไหน
เกิดมาทำไม อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ตายแล้วจะไปไหน และจะดับทุกข์ดับกิเลสได้อย่างไร
การที่นักสร้างบารมีหรือผู้ที่รักในการทำความดีทั้งหลายมักจะปรารภการสร้างบุญสร้างบารมีสร้างความดีของตัวเองเป็นประจำนั้น
เพราะเขาตระหนักถึงความจริงที่ว่ามนุษย์ต่างเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้จักตัวเอง
ก่อนเกิดเรามาจากไหน เกิดมาทำไม เกิดมาทำอะไรก็ไม่รู้ อะไรควรทำ
อะไรที่ไม่ควรทำก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเกิดมาแล้วต้องตาย
แต่ตายแล้วจะไปไหนก็ยิ่งไม่รู้
เมื่อไม่รู้อะไรเลย มนุษย์จะทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรย่อมเป็นไปไม่ได้
ยิ่งไม่รู้มากเท่าไร โอกาสที่จะทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดก็มีมากขึ้นเท่านั้น
นี่เป็นอันตรายใหญ่หลวงของชีวิตมนุษย์ ความไม่รู้จักตัวเองคือเรื่องที่ต้องแก้ให้ได้
เพราะว่าต้องการจะรู้คำตอบนี้ จึงต้องตั้งใจเข้าวัดปฏิบัติธรรม
เพื่อศึกษาธรรมะตามที่บรรพบุรุษของเราทำตามกันมา
ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้สติเอาไว้
การหาคำตอบเพื่อขจัดความไม่รู้จักตัวเองนั้น
จะได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘
ในพระพุทธศาสนาจนกระทั่งใจหยุดใจนิ่ง ใจใสมากพอ
ส่วนวิธีการอื่นใดที่นอกเหนือจากการประพฤติปฏิบัตินี้ไม่มี
ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนยันไว้ว่า การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ นั้น
เป็นเส้นทางสายเดียวที่จะกำจัดอวิชชา เพื่อจะไปรู้ความจริงเกี่ยวกับชีวิตของเราได้
บางท่านได้ฟังแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย
ซึ่งเรื่องนี้ถ้าหากในยุคนี้พวกเราไม่ได้พบกับคุณยายอาจารย์ฯ
ก็คงจะคิดว่าเป็นเรื่องเหลือวิสัยเช่นกัน แต่เพราะได้มาพบกับคุณยายอาจารย์ฯ
ได้เห็นการฝึกตนของท่าน เห็นปฏิปทาของท่าน
จึงเชื่อมั่นว่าการกำจัดความไม่รู้นั้นเป็นไปได้
การปฏิบัติธรรมจนกระทั่งระลึกชาติได้นี้เป็นเรื่องจริง เป็นวิสัยที่มนุษย์ทำได้
เรารู้ว่าท่านอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่ได้เรียนจบปริญญาสักใบ
แต่สิ่งเหล่านี้ท่านทำได้และเป็นพยานบุคคลให้เรา
พวกเราซึ่งเกิดมาในยุคนี้ล้วนแต่อ่านออกเขียนได้ทั้งนั้น มีโอกาสดีกว่าคุณยายอาจารย์ฯ
ของเรา เพราะฉะนั้นตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ดีเถิด เรามีสิทธิ์จะระลึกชาติได้ทุกคน
แต่ถ้าหากไม่ปฏิบัติธรรมหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ได้
เพราะการระลึกชาติได้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าต้องจบปริญญาหรือไม่จบปริญญาในทางโลก แต่ขึ้นอยู่กับว่าได้ทุ่มชีวิตสร้างบุญ
ทุ่มชีวิตปฏิบัติธรรม ทุ่มชีวิตฝึกมรรคมีองค์ ๘
หรือไม่ถ้าใครทุ่มชีวิตตามนี้ก็สามารถทำสำเร็จได้
แล้วก็จะได้รู้จักตัวเองว่าเราเป็นใคร มาจากไหนเวียนว่ายตายเกิดมาเท่าไร แล้วจะเกิดกำลังใจปฏิบัติธรรมเพื่อกำจัดอวิชชาต่อไป
แต่ว่าการที่ใครจะฝึกฝนอบรมตนเองไปถึงขั้นระลึกชาติได้
มีเงื่อนไขว่าต้องสั่งสมบุญมามากพอ ถ้าบุญยังไม่มากพอ
ใจก็ยากจะหยุดนิ่งเป็นสัมมาสมาธิถึงระดับที่ระลึกชาติได้ ยิ่งบุญมากเท่าไร
ยิ่งระลึกชาติไปได้ไกลมากเท่านั้น
ทำไมการระลึกชาติถึงต้องใช้บุญด้วย เรื่องนี้อุปมาเหมือนกับการทำงานในโลกนี้ต้องใช้พลังงานมาขับเคลื่อนฉันใด
การที่ใครจะระลึกชาติได้
ไม่ว่าจะระลึกชาติตัวเองหรือระลึกชาติคนอื่นก็ต้องใช้พลังงานฉันนั้น
แต่พลังงานที่ใช้ในการระลึกชาตินั้น เป็นพลังงานพิเศษที่เรียกว่า “บุญ”
บุญเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นมาจากการทำความดีทั้งมวล
บุคคลควรสั่งสมบุญไว้ให้มาก เมื่อถึงเวลาที่สั่งสมบุญไว้มากพอ
เมื่อลงมือปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้ถูกส่วน ก็จะระลึกชาติได้
แต่ถ้าไม่สร้างบุญไว้เลย แม้ใจอยากระลึกชาติได้เพียงใด ต่อให้ปรารถนาไปอีกกี่ชาติก็ไม่มีทางทำได้
เราจะสั่งสมบุญในชาตินี้อย่างไร
ถึงจะได้บุญมากพอในระดับที่ระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป เรื่องนี้มีหลักปฏิบัติอยู่
๓ ประการ
๑. อย่าใช้บุญเปลือง
เพราะชีวิตมีข้อจำกัดที่ทำให้สั่งสมบุญได้ยาก
๒. ฉลาดในการสั่งสมบุญบารมี เพื่อสร้างนิสัยทำความดีแบบทุ่มชีวิตเป็นเดิมพัน
๓.
สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อสร้างบารมีเป็นทีม
ซึ่งพอจะอธิบายโดยสังเขปได้ดังนี้
๑. อย่าใช้บุญเปลือง
เพราะชีวิตมีข้อจำกัดที่ทำให้สั่งสมบุญได้ยาก
แม้เราจะทราบว่าบุญมีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อชีวิต แต่ในทางปฏิบัติแล้วการสั่งสมบุญก็ไม่ใช่งานที่จะทำได้ง่าย
ๆ เพราะชีวิตมนุษย์มีกับดัก มีเหยื่อล่อ ที่จะทำให้บุญหกตกหล่นได้ตลอดทาง ได้แก่
๑.๑ ต้องใช้บุญเก่าในการหาปัจจัย ๔
เลี้ยงชีวิต
ชีวิตอยู่ได้ด้วยปัจจัย ๔ ซึ่งประกอบด้วยเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย
และยารักษาโรค ถ้าปัจจัย ๔ อย่างนี้มีไม่ครบ มีไม่พอ ก็เดือดร้อน จึงต้องมีให้พอ
แต่ปัจจัย ๔ นั้นไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า
ต้องใช้ความพยายามขยันหามาและต้องใช้บุญจึงจะได้มา
ถ้าขยันอย่างเดียวแต่ไม่มีบุญก็ไม่มีทางได้
จะเห็นว่าชีวิตเราต้องใช้บุญอยู่ทุกลมหายใจ ถ้าทำบุญไว้น้อย มีพอแค่เลี้ยงชีวิต
แล้วจะเอาบุญจากไหนสั่งสมไว้เพื่อทำงานที่แท้จริง
แต่ทว่าแม้เราจะขยันหาและสั่งสมบุญไว้ด้วยปัจจัย ๔
ก็ยังมีความน่าใคร่น่าอยากได้แฝงมาด้วย
ซึ่งถ้าเราหลงไปติดกับดักก็จะทำให้เราใช้บุญเปลือง
พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้ระวังกับดัก คือ
ความน่าใคร่น่าอยากได้ที่แฝงมากับปัจจัย ๔ เช่น ความอยากได้เสื้อผ้าเกินเหตุ
อาหารเกินเหตุ ที่อยู่อาศัยเกินเหตุ หยูกยาเกินเหตุ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ทำให้เหนื่อยเกินเหตุ ทำให้เสียเวลาหาเงิน ถ้าไม่รู้จักพอ
จะต้องเหนื่อยอีกกี่ชาติก็ไม่รู้ ผลาญทั้งความแข็งแรง ผลาญเวลาในชีวิต
และที่สำคัญคือผลาญบุญตัวเองด้วย
๑.๒ ผลาญบุญตัวเอง เพราะใช้ปัจจัย ๔
มากเกินจำเป็น
มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เคยคำนึงถึงวัตถุประสงค์แท้จริงในการใช้ปัจจัย ๔
จึงบริโภคผิดวัตถุประสงค์ แล้วก่อให้เกิดโทษแก่ตัวเองนานาประการ
นอกจากนั้นสังคมก็เสียประโยชน์ สิ่งแวดล้อมก็ถูกทำลาย
เพราะความน่าใคร่น่าอยากได้ของปัจจัย ๔ นี่เอง
ทำให้เรามองวัตถุประสงค์ในการใช้ปัจจัย ๔ จริง ๆ ไม่ออก
จึงทำอะไรไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์ของเรื่องนั้น ๆ สิ่งนั้น ๆ
การบริโภคอาหารและยา
เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยต่าง ๆ จึงกลายเป็นอยู่เพื่อกินล้างกินผลาญ
ใช้ล้างใช้ผลาญ แล้วก็กลายเป็นล้างผลาญสิ่งแวดล้อม แต่ที่เสียหายยิ่งกว่านั้น
ยังกลายเป็นล้างผลาญบุญที่อุตส่าห์สร้างมาด้วยความลำบากยากเย็นอีกด้วย
ยิ่งล้างผลาญบุญไปมากเท่าไร โอกาสที่จะระลึกชาติไปดูไปรู้ว่าเกิดมาทำไม
ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหนก็ริบหรี่ลงไปเต็มที
๑.๓ มีเวลาฝึกตัวน้อย
เพราะใช้เวลาชีวิตไปกับการแสวงหาปัจจัย ๔
อายุมนุษย์สั้นนัก เพราะฉะนั้นถ้าใครมัวเสียเวลาหาปัจจัย ๔ มากเกินเหตุ
ก็ยิ่งมีโอกาสฝึกตัวเองน้อย ใจก็เป็นสมาธิได้ยาก แต่สิ่งที่ตรงข้ามคือนิสัยเสีย ๆ
ที่ปล่อยใจตามอำนาจกิเลสก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น
๑.๔ ทำความดีแบบเหยาะแหยะ
แต่ทำความชั่วแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เวลาทำชั่วมนุษย์มักเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เช่น นั่งเล่นไพ่กันยันสว่าง
ตั้งวงเหล้าข้ามคืน แต่เวลาทำความดีกลับทำแบบเหยาะแหยะ
ทำแค่พอให้ได้ชื่อว่าทำดีแล้วเท่านั้น
๑.๕ นิสัยไม่ดีที่ติดตัวมายังมีอีกมาก
และคอยบังคับมนุษย์ให้ทำกรรมชั่ว
นิสัยที่ไม่ดีและกิเลสที่หมักหมมทิ้งไว้ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
จะตามไปรังควาญเราต่อชาติหน้าอีก ที่รู้ตัวก็ยังยากจะแก้ไข
ที่ไม่รู้ตัวอีกเท่าไรก็ไม่รู้ ดังนั้นใครรู้ตัวว่ามีนิสัยอะไรไม่เข้าท่าก็รีบ ๆ
แก้เสีย มิฉะนั้นนิสัยไม่ดี และกิเลสที่หมักหมมทิ้งไว้ มันไม่ยอมสูญไปเอง
๒. ฉลาดในการสั่งสมบุญบารมี
เพื่อสร้างนิสัยทำความดีแบบทุ่มชีวิตเป็นเดิมพัน
นักสร้างบารมีหรือว่าคนดีทั้งหลายนั้นจึงขวนขวายในการสั่งสมบุญทำความดีกันทุกจังหวะทุกโอกาส
ประการที่หนึ่ง
หมั่นสั่งสมบุญสร้างความดีทุกวัน
ประการที่สอง
ชักชวนผู้อื่นให้ทำความดีตามมาด้วย
ประการที่สาม
มีความเชื่อมั่นในบุญกุศลที่สั่งสม
โดยตามระลึกนึกถึงบุญที่ได้สั่งสมไว้ให้เกิดความปลื้มใจในบุญที่ได้ทำ
ทั้งในขณะทำความดีด้วยตนเองและเมื่อชักชวนผู้อื่นทำความดี ยิ่งปลื้มมากเท่าใด
บุญก็จะทับทวีเพิ่มมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ประการที่สี่
กล่าวสรรเสริญคุณความดีประกาศให้มหาชนได้รับรู้รับทราบ
เพื่อจะได้แผ่ขยายความดีขยายความปลื้มในความดีให้กว้างไกลออกไป
เมื่อปลื้มได้อย่างนี้ บุญจะเกิดได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
๓. สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อสร้างบารมีเป็นทีม
ปัจจุบันเกิดความผิดพลาดกันไปทั่วโลกคือ
เดี๋ยวนี้นับวันการชวนคนทำความดีมีแต่น้อยลง ๆ ทั้งโลกเลย
แต่ชวนกันทำสิ่งที่ไม่ดีไม่เข้าท่ามีเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้การสรรเสริญคุณงามความดีของคนสร้างบุญจึงไม่ค่อยมี ยิ่งในสังคมออนไลน์หรือสื่อใด
ๆ ก็ตาม สิ่งที่กดไลค์กดแชร์ส่วนมากก็มีแต่เรื่องไม่ดีไม่งามของชาวบ้านทั้งนั้น
มีมากกว่าจะแชร์ส่งต่อขยายเรื่องคนทำความดี
จากหลักปฏิบัติทั้ง ๓ ข้อนี้ หลวงพ่อก็ขอฝากเป็นข้อคิดไว้
รีบไปชักชวนไปเชื้อเชิญบุคคลใกล้ชิดทั้งหลายให้เขาได้มารู้และเข้าใจความจริงของชีวิต
ให้เขาได้มาสั่งสมบุญและได้มาบวชกันเยอะ ๆ ตามลูกตามหลานของตัวเองมาบวชให้ได้
หน้าที่ของเราชาวพุทธจะต้องช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ชาวโลกได้ที่พึ่งที่แท้จริง
การที่เราตั้งใจทำความดีด้วยตัวเอง นั่นเป็นการยืนยันว่าพระพุทธศาสนาดีจริง
ว่าที่ฉันทำดีอย่างนี้ ก็เพราะอาศัยคำสอนในพระพุทธศาสนา
ไปตามลูกตามหลาน ไปตามเพื่อนบ้านมาอบรมมาบวชกันให้ดี
เพื่ออาศัยคำสอนในพระพุทธศาสนาช่วยฝึกลูกหลานของเรา
ช่วยฝึกเพื่อนบ้านของเราให้เป็นคนดีตามมาอีกด้วย ช่วยกันขยายความดีให้รุ่งเรือง
ให้มีบุญกันทั่วแผ่นดิน
การสร้างวัดวาอาราม
สร้างโบสถ์สร้างศาลา แม้สร้างพระพุทธรูปนั้น
ก็ยังเป็นเพียงการสร้างอุปกรณ์ในการผลิตคนดีขึ้นมาในโลก แต่การประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยตัวเอง
การชักชวนผู้อื่นมาปฏิบัติธรรม แล้วเคี่ยวเข็ญให้ปฏิบัติจนได้ผลบุญ
เป็นการสร้างคนดีให้เกิดขึ้นจริง ช่วยเพื่อนมนุษย์ให้ค้นพบตัวเอง
แล้วจะได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง
การมีชีวิตอยู่ในโลกจึงจะเป็นการเกื้อกูลกันและกันให้ทำประโยชน์ได้สำเร็จ
ซึ่งจะทำให้เกิดไปกี่ภพกี่ชาติเบื้องหน้า เราก็จะมีแต่เพื่อนดี ๆ ลูกหลานดี ๆ
ไปสร้างบุญสร้างบารมีเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปทุกภพทุกชาติ แล้วบุญก้อนนี้ก็จะมาเป็นต้นทุนให้เราฝึกสมาธิได้ก้าวหน้าถึงในระดับระลึกชาติหนหลังของตนเองได้
ทำให้เรามีกำลังใจไม่สิ้นสุดในการสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม โดยพร้อมหน้าด้วยกัน
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๓ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เข้าวัดมานาน ทำไมยังชวนสมาชิกในครอบครัวเข้าวัดไม่ได้สักที ? (ปีก่อนหน้า)
คนไทยคุ้นเคยกับการทำงานแบบเดี่ยวมากกว่าเป็นทีม แต่สมัยนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคของการทำงานเป็นทีมแล้ว จะมีวิธีแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง?
ทำอย่างไรจึงจะใช้เวลา ๒๔ ชั่วโมง ในแต่ละวันได้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบกับพระพุทธศาสนา?
เหตุใดเราจึงควรทำบุญบ่อย ๆ จะทำเฉพาะเวลาที่มีความทุกข์ไม่ได้หรือ?
พระพุทธศาสนามีคำสอนที่เป็นเคล็ดลับ หลักประกันความสำเร็จของการทำงานอยู่บ้างไหม ?
เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร?
เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร?
การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร ?
คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิม ของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ทำไมถึงเน้นแต่การชวนคนทำบุญอย่างเดียว ?
หลักการขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
สังคมเปลี่ยนไป แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตาม พระพุทธศาสนามีคําแนะนําอย่างไร ?
ความสะอาดและเป็นระเบียบมีความสําคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาอย่างไร ? (ปีถัดไป)
พระพุทธศาสนามีคำสอนที่เป็นเคล็ดลับฯ |
เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ฯ |
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เข้าวัดมานาน ทำไมยังชวนสมาชิกในครอบครัวเข้าวัดไม่ได้สักที ? (ปีก่อนหน้า)
คนไทยคุ้นเคยกับการทำงานแบบเดี่ยวมากกว่าเป็นทีม แต่สมัยนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคของการทำงานเป็นทีมแล้ว จะมีวิธีแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง?
ทำอย่างไรจึงจะใช้เวลา ๒๔ ชั่วโมง ในแต่ละวันได้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบกับพระพุทธศาสนา?
เหตุใดเราจึงควรทำบุญบ่อย ๆ จะทำเฉพาะเวลาที่มีความทุกข์ไม่ได้หรือ?
พระพุทธศาสนามีคำสอนที่เป็นเคล็ดลับ หลักประกันความสำเร็จของการทำงานอยู่บ้างไหม ?
เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร?
เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร?
การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร ?
คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิม ของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ทำไมถึงเน้นแต่การชวนคนทำบุญอย่างเดียว ?
หลักการขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
สังคมเปลี่ยนไป แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตาม พระพุทธศาสนามีคําแนะนําอย่างไร ?
ความสะอาดและเป็นระเบียบมีความสําคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาอย่างไร ? (ปีถัดไป)
ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติ ต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้ ?
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
02:25
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: