การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร ?
เมื่อญาติโยมอุบาสก-อุบาสิกามาถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ-สามเณรแล้ว
พระภิกษุ-สามเณรจะได้สวดมนต์ให้พร
การสวดมนต์ คือ การรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้
ผู้ที่จะสวดจึงต้องทำความเข้าใจให้ถูกว่า มนต์ที่สวดไปนั้นแปลว่าอะไร
จึงจะเกิดความซาบซึ้งในเนื้อหา และจะได้สวดมนต์อย่างเต็มเสียงด้วยความปลื้มใจว่า
เรากำลังกล่าวถ้อยคำแห่งธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อพระธรรม และต่อพระสงฆ์
ด้วยวาจาอันบริสุทธิ์อย่างเต็มที่
ถ้าผู้สวดมีใจสงบ ขณะที่กำลังสวดมนต์ก็นำใจไปตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย
ทำใจนิ่ง ๆ อย่างนั้นใจผู้ฟังจะนิ่งตาม สงบตาม แม้ไม่เคยทำสมาธิ
ใจก็จะสงบตามไปด้วย ความสงบใจขณะฟังเสียงให้พรนี้เอง
จะทำให้ใจของญาติโยมจรดเข้าศูนย์กลางกายได้ง่ายตามเสียงสวดของพระ แม้ไม่ทราบคำแปล
แต่ว่าเป็นเสียงที่เปล่งออกจากศูนย์กลางกาย ที่ทำให้ใจสงบ โยมก็ปลื้มใจ
บุญก็เกิดขึ้นโดยง่ายอีกเหมือนกันทั้งที่ไม่ทราบคำแปล
เรื่องนี้เคยมีตัวอย่างจริงเกิดขึ้นมาแล้วในต่างประเทศ
เหมือนที่เราติดตามช่อง DMC
แล้วก็มีจดหมายที่หลวงพ่อธัมมชโยของเรานำมาอ่านให้ฟังว่ามีชาวต่างชาติหลาย
ๆ คน ที่ไม่รู้ภาษาไทย แต่ก็ชอบมานั่งฟัง DMC ทั้งที่ไม่รู้ภาษาไทยสักคำเดียว เขาบอกว่าฟังเสียงหลวงพ่อแล้วสบายใจ
ถามว่าฟังภาษาไทยไม่ออกแล้วทำไมสบายใจ
ก็เพราะเสียงหลวงพ่อเปล่งออกมาจากศูนย์กลางกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ท่านนำนั่งสมาธิ ท่านพูดในขณะกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิ
เสียงของท่านจึงออกมาจากศูนย์กลางกายที่ดิ่งลงไป ฉะนั้นผู้ฟังจะฟังออกหรือไม่ออก
จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจความหมายก็จะรู้สึกชื่นใจ
เพราะว่ามีแรงดึงดูดชนิดหนึ่งออกมาจากในตัวเขา เป็นแรงดึงดูดให้ใจของเขาจรดที่ศูนย์กลางกายได้ง่าย
จากหลักการเดียวกันนี้เอง เมื่อพระสงฆ์สวดมนต์ให้พร
เสียงนั้นจึงเป็นเสียงสวดที่ออกมาจากศูนย์กลางกาย
เลยน้อมนำให้ใจของผู้ฟังเข้ามาอยู่ในศูนย์กลางกายได้ง่ายโดยไม่รู้ตัว
แล้วก็ทำให้เป็นสมาธิได้ง่าย
แต่ละครั้งที่พระภิกษุให้พร ท่านกำลังกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระภิกษุในฐานะที่เป็นลูกของพระพุทธองค์จึงต้องให้ความเคารพต่อสมเด็จพ่อ คือ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และสิ่งที่จะสวดที่จะกล่าวออกมานั้นเป็นธรรมะที่กลั่นออกมาจากใจของพระองค์แล้ว
พระองค์ทรงเห็นธรรมภายในที่ปราบกิเลสแล้วก็ทรงใช้วาจาบริสุทธิ์เปล่งถึงธรรมบริสุทธิ์นั้น
กล่าวถึงอานุภาพของธรรมภายในออกมาให้ชาวโลกฟัง
พระองค์ทรงเป็นผู้เคารพในธรรม
การกล่าววาจาแสดงธรรมของพระองค์จึงทรงเปล่งพระสุรเสียงออกมาจากใจที่เปี่ยมด้วยความเคารพในธรรมอย่างมหาศาล
พระองค์ทรงเคารพในธรรมขนาดไหน ทรงอุปมาไว้ว่า
ราชสีห์จะตะปบช้างมาเป็นอาหารก็ตะปบด้วยความระมัดระวัง ต้องไม่พลาด
ไม่ยอมให้ช้างหลุดไป ถ้าหลุดไปก็เสียศักดิ์ศรีของราชสีห์เลยทีเดียว
เป็นที่เยาะเย้ยของสิงโต ของเสือทั้งหลาย
เป็นที่เยาะเย้ยของสัตว์ที่กินเนื้อทั้งหลาย
ราชสีห์แม้จะตะปบกระต่ายสักตัวหนึ่งมากินก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
กระต่ายตัวเล็ก ๆ มันจะมีเรี่ยวแรงอะไรมาต่อสู้กับราชสีห์
แต่กระต่ายเป็นสัตว์ที่ว่องไว ถ้าราชสีห์ตะปบกระต่ายแล้วหลุดไปได้
อย่าว่าแต่พวกเสือ พวกสิงโต จะหัวเราะเยาะเย้ยเอาเลย
แม้แต่สุนัขหรือแมวก็หัวเราะกันฟันหัก โธ่เอ๊ย นี้หรือราชสีห์ที่ใคร ๆ
กลัวนักกลัวหนา ขนาดกระต่ายตัวเล็ก ๆ ยังไม่มีปัญญาตะปบได้
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าราชสีห์จะตะปบช้างตะปบกระต่าย
ต้องใช้ความระมัดระวังเท่ากันฉันใด พระองค์เองก็เหมือนกัน
เวลาจะทรงเทศน์ให้ใครฟังก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ว่าจะทรงเทศน์ให้พระราชามหากษัตริย์ฟัง
ให้นักปราชญ์บัณฑิตฟัง หรือแม้แต่ให้เด็กน้อยฟัง
พระองค์ก็ทรงเทศน์ด้วยความระมัดระวัง
ไม่ต่างกับราชสีห์ที่ระมัดระวังทั้งในเวลาตะปบช้างและตะปบกระต่ายเท่า ๆ กัน
อุปมานี้แสดงว่า พระองค์ทรงให้ความเคารพในธรรมอย่างมาก ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นผู้ตรัสรู้ธรรมเองยังทรงให้ความเคารพในธรรมปานนั้น
พระภิกษุผู้เป็นลูกของพระองค์เป็นผู้สวดสาธยายธรรมของพระองค์
จึงสวดแบบมักง่ายไม่ได้ มิฉะนั้นจะไม่สมกับเป็นลูกของพระองค์
ในพระพุทธศาสนานี้ พระภิกษุฉันข้าวจากศรัทธาที่เกิดจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สบง จีวร ผ้าผ่อนทั้งหลายที่นุ่งที่ห่ม
แท้ที่จริงก็ได้มาจากความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อพระองค์เขาจึงถวายผ้าไตรให้
ถวายข้าวปลาอาหารให้ ถวายกุฏิศาลาให้เป็นที่อยู่อาศัย
ถึงคราวป่วยคราวไข้ก็ถวายหยูกยามาแก้ไขกันไป
ญาติโยมถวายให้พระภิกษุเพราะความเคารพศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มิฉะนั้นเขาไม่มีทางให้อย่างเด็ดขาด
พระภิกษุอาศัยข้าวปลาอาหารจากญาติโยม และญาติโยมที่มาถวายก็มีทั้งคนจนคนรวย
คนรวยมีเหลือกินเหลือใช้ แต่ข้าวปลาอาหารแต่ละช้อน แต่ละทัพพี ที่คนจนตักมาถวาย
มันเหมือนบีบออกมาจากปากตัวเอง ออกมาจากปากลูกปากหลานของเขาเลย
เพราะฉะนั้นพระจึงต้องเคารพในไทยธรรม
เคารพในจิตใจที่เลื่อมใสต่อพระรัตนตรัยของญาติโยมให้ดี
เหตุนี้ แม้จะสวดมนต์บทไหนก็ตาม จะให้พรบทไหนก็ตาม
พระจึงต้องระมัดระวัง จะได้ไม่ฉันข้าวแล้วเป็นหนี้โยม
ต้องให้ความเคารพต่อพระรัตนตรัย และให้ความเคารพต่อความเลื่อมใสศรัทธาที่โยมมีต่อพระรัตนตรัยด้วย
เพราะฉะนั้น เวลาจะสวดมนต์ จะให้พรแต่ละที
พระจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดี เตรียมความพร้อมให้พร้อมทั้งกาย วาจา
ใจที่แสดงออกถึงความเคารพในธรรมอย่างชัดเจน
พระท่านเตรียมพร้อมทั้งกาย วาจา ใจกันอย่างไร ก็ตั้งแต่เมื่อจะมารับถวายภัตตาหารจากญาติโยม
จะมาฉันก็นุ่งห่มให้เรียบร้อย ครองผ้าสบง จีวร สังฆาฏิ
พาดให้เรียบร้อย เป็นการให้ความเคารพในศรัทธาของญาติโยม เคารพในไทยธรรมของญาติโยมที่ตั้งใจนำมาสั่งสมบุญ
แล้วก็เป็นการตอบรับความเลื่อมใสศรัทธาที่ท่านมีต่อพระรัตนตรัยด้วย
และต่อพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายด้วย
การมาฉันของพระก็เลยต้องนุ่งห่มให้เรียบร้อย
เป็นการแสดงความเคารพต่อความศรัทธา ต่อจิตใจของญาติโยม ต่อพระรัตนตรัยด้วย
เคารพด้วยกายโดยขบฉันด้วยความเรียบร้อย ไม่มูมมาม มีมารยาท
ไม่ตามใจปาก ตามใจท้องจนเกินไป รักษามารยาทในการขบฉัน นี้เป็นความเคารพในธรรมที่พระมีด้วยกาย
เคารพโดยวาจาด้วยการให้พรเป็นภาษาไทย ภาษาบาลี
เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีในพระพุทธศาสนาเอาไว้
ขณะสวดให้พรก็ต้องให้ด้วยความระมัดระวัง สวดถูกอักขระ
ไม่ว่าจะเป็นสระเสียงสั้นเสียงยาว คำเป็นคำตาย คำสังโยคไม่สังโยค
ก็สวดด้วยความระมัดระวัง เพราะเป็นการแสดงความเคารพด้วยวาจา อักขระชัดเจน ร ล
ควบกล้ำชัดเจน จังหวะจะโคนก็จะต้องชัดเจน
แล้วก็ต้องสวดเต็มเสียงด้วย สวดแบบเต็มใจสวด เปล่งออกมาจากศูนย์กลางกาย
เป็นการแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย เคารพในศรัทธา ในไทยธรรม
ที่โยมถวายดีแล้วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจของท่าน ขณะที่ให้พร ท่านก็ตั้งใจอย่างดี
ท่านรู้ว่าเรี่ยวแรงที่เกิดจากข้าวปลาอาหารของญาติโยมวันนี้
ท่านจะเอาไปใช้ในการศึกษาธรรมะบ้าง
เอาไปใช้ในงานเกี่ยวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาบ้าง เอาไปใช้เป็นเรี่ยวแรงในการรักษาวัดบ้าง เรี่ยวแรงที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นบุญเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นบุญเป็นกุศลมากเท่าไรก็เป็นอายุของพระศาสนาด้วย
เป็นความปลื้มอกปลื้มใจของพระด้วย เป็นการสั่งสมบุญบารมีของท่านด้วย
เมื่อยังเป็นพระภิกษุธรรมดา เป็นสามเณรธรรมดา ยังไม่ได้บรรลุธรรมกัน
ต้องทำอย่างไรจะให้ญาติโยมที่อุตส่าห์มาจัดภัตตาหารถวายได้บุญเยอะ ๆ
พระท่านจึงรำลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อาราธนาบารมีธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ของพระอรหันต์ ที่ปรากฏอยู่ด้วยธรรมกายในอายตนนิพพาน
บารมีธรรมของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ของคุณครูไม่ใหญ่ ของคุณยายอาจารย์ฯ
เพราะถึงแม้ท่านยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า แต่ท่านก็เข้าถึงธรรมภายในจึงสอนวิชชาธรรมกายให้แก่เรา
พระภิกษุก็อาราธนาบารมีธรรมของตัวท่าน ซึ่งแม้ยังอ่อนอยู่
แต่ท่านก็ตั้งใจสร้างให้แก่กล้า รวม ๆ
กันเข้าแล้วให้บารมีธรรมเหล่านั้นย้อนมาคุ้มครองโยมที่อุตส่าห์เสียสละเดินทางมาถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย
บางท่านก็นาน ๆ มาครั้ง บางท่านก็มาทุกวัน ซึ่งไม่ว่ามาทุกวันหรือนาน ๆ ครั้งก็ตาม
บุญที่ทำล้วนมีผลใหญ่ทั้งนั้น
ญาติโยมทั้งหลายเหล่านั้นเห็นคุณความดีของพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายว่าตั้งใจจริงในการฝึกตัวตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช้าขึ้นมา
แม้จะอยู่ไกลจากวัดก็มีความตั้งใจเตรียมตัวมาอย่างดี มาสั่งสมบุญตั้งแต่เช้า
มาตักบาตร มาถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ก่อน
เมื่อพระและโยมต่างเคารพในธรรมของกันและกันอย่างนี้
โลกจึงจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็น
เมื่อพระให้พรออกมาจากศูนย์กลางกาย ญาติโยมได้สดับฟัง ทั้ง ๆ
ที่ไม่รู้จักศูนย์กลางกายหรอกว่าเป็นอย่างไร แต่ฟังแล้วชื่นใจ
ปลื้มใจ ยังตราตรึงอยู่ในใจ ความปลื้มใจ
ความชื่นใจนี้แม้วันหลังตามระลึกนึกถึงคราใดใจใสใจปลื้มบุญก็ตามส่งผล
ตรงนี้เกิดประโยชน์ทั้งโยมเกิดประโยชน์ทั้งพระ
โยมก็ปลื้มใจที่ได้ฟัง พระก็ปลื้มใจว่าทำหน้าที่ของพระได้บริบูรณ์ พระพุทธศาสนาก็มีอายุยืนยาวโดยศรัทธาของชาวพุทธที่มีความเคารพในธรรมทั้งกาย
วาจาใจ อยู่ทุกอิริยาบถ
พุทธบริษัททั้ง ๔
จึงสามารถช่วยกันทำหน้าที่สืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวออกไปในแต่ละวัน ๆ
อย่างนี้ สั่งสมบุญให้แก่ตนเองและหมู่คณะกันทุกวันอย่างนี้ ประเพณีการทำบุญตักบาตร
ถวายภัตตาหาร และพระภิกษุสงฆ์สวดมนต์ให้พร
จึงเป็นประเพณีสืบทอดกันมาเป็นมรดกแก่ลูกหลานชาวพุทธต่อไป
โดยอาศัยอำนาจแห่งความเคารพในธรรมด้วยกาย วาจา ใจ ของพุทธบริษัท ๔นั่นเอง
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพฯ |
คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางฯ |
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร ?
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
19:42
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: