พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว... ก้าวสู่รัตนโกสินทร์ตอนกลาง

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ณ พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระอารามหลวงชั้นเอก
วัดประจำรัชกาลที่ ๔  แสดงวิถีชีวิตของชาวสยามที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนา
แผ่นดินสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลางเริ่มในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี เป็นยุคที่สยามเปิดประเทศสู่อารยธรรมตะวันตกและเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาชาติ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อปรับตัวให้ประเทศรอดพ้นจากการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจ แต่สิ่งที่ยืนหยัดคู่แผ่นดินทั้งยามสุขสงบและยามเผชิญวิกฤตมิเปลี่ยนแปลง คือ พระพุทธศาสนา อันเป็นที่เคารพนับถือสูงสุดและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติมาแต่บรรพกาล


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถทั้งทางโลกและทางธรรม อันสอดผสานกันนำพาประเทศให้ก้าวผ่านยุคที่อิทธิพลตะวันตกเริ่มเข้ามาในแผ่นดิน โดยเฉพาะความรู้ในด้านการพระศาสนา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่มีความรู้เรื่องพระไตรปิฎกอย่างลึกซึ้ง และเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ ๒ ที่มีความรู้แตกฉานในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ ถัดจากพระมหาธรรมราชาลิไทแห่งราชวงศ์พระร่วงสุโขทัย ทั้งนี้เพราะทรงผนวชเป็นภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาอยู่นานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดๆ ตั้งแต่เจริญพระชนมายุได้ ๒๑ พรรษา จนพระชนมายุ ๔๗  พรรษา จึงทรงลาผนวชเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์รวมระยะเวลาครองสมณเพศได้ ๒๗ พรรษา 

เจ้าฟ้ามงกุฎทรงดำรงอยู่ในสมณเพศตลอดรัชสมัยแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ มีฉายาว่า วชิรญาโณ  ทรงเอาพระทัยใส่ศึกษาทั้งวิปัสสนาธุระและคันถธุระอย่างลึกซึ้ง ความแตกฉานในภาษามคธของพระองค์เป็นที่เลื่องลือ แม้ขณะนั้นจะทรงสอบพระปริยัติธรรมได้ชั้นประโยค ๑-๕ แต่ก็ทรงพระปรีชาสามารถแปลพระปริยัติธรรมในที่ประชุมพระราชาคณะผู้ใหญ่ถวายต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จนสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชมั่นพระราชหฤทัยในความรู้ของพระองค์ และมีพระราชศรัทธาถวายพัดเปรียญ ๙ ประโยค เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระราชาคณะและกรรมการในการสอบไล่พระปริยัติธรรมพระภิกษุสามเณรในเวลาต่อมา

พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องทรงศีล
ทรงฉายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๐

ความเชี่ยวชาญในภาษามคธทำให้เจ้าฟ้ามงกุฎทรงสามารถศึกษาพระไตรปิฎกได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อพิจารณามาถึงพระวินัยปิฎก ทรงเล็งเห็นว่าแบบแผนความประพฤติของคณะสงฆ์ในขณะนั้นมีความวิปลาสคลาดเคลื่อนไปจากพุทธบัญญัติเดิมอยู่มาก จึงทรงส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมและวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ให้เคร่งครัดบริสุทธิ์ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เช่น การครองผ้าของพระภิกษุสามเณรตามเสขิยวัตรแห่งพระวินัย การแสดงอาบัติ
  การทำพินทุ เป็นต้น และทรงพระราชนิพนธ์บทสวดภาษาบาลี         ตั้งธรรมเนียมทำวัตรเช้าและเย็นขึ้น ซึ่งบทพระราชนิพนธ์นี้ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน แบบแผนธรรมเนียมที่ฟื้นฟูขึ้นนี้ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างตั้งแต่ยังทรงผนวชจนกระทั่งขึ้นเถลิงราชสมบัติ  นับเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาในประเทศไทยให้รุ่งเรืองขึ้นอีกวาระหนึ่งสมดั่งพระราชหฤทัยที่ตั้งไว้อย่างแน่วแน่

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สำรวจคัมภีร์พระไตรปิฎกในหอพระมณเฑียรธรรม และตรวจสอบคัมภีร์พระไตรปิฎกในแผ่นดิน  เจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งขณะนั้นทรงผนวชอยู่ ทรงรับเป็นธุระสำคัญในการจัดส่งสมณทูตไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากลังกากลับมาแผ่นดินสยามเพื่อนำมาคัดลอกให้สมบูรณ์  ครั้นเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สำรวจคัมภีร์พระไตรปิฎกในหอพระมณเฑียรธรรมเช่นเดียวกัน  หากพบคัมภีร์ฉบับใดสูญหายหรือไม่ครบถ้วนก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างซ่อมแซมจนครบบริบูรณ์ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างคัมภีร์พระไตรปิฎก ฉบับล่องชาดสำหรับหอหลวงขึ้นใหม่  คัมภีร์พระไตรปิฎกหลวงที่สร้างใหม่สำหรับรัชกาลนี้ จะปรากฏรูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลอยู่ด้านซ้ายและขวาของใบลาน  แต่หากเป็นคัมภีร์ที่สร้างซ่อมเพิ่มเติมจากรัชกาลก่อน จะปรากฏตราสัญลักษณ์รัชกาลก่อนทางด้านซ้าย และตราสัญลักษณ์รัชกาลหลังทางด้านขวา

คัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์                                                           ใบปกหน้าและปกหลัง  ฉบับรดน้ำดำและรดน้ำแดง
คัมภีร์ใบลานฉบับล่องชาด                                                        ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไม้ประกับลายกำมะลอ                                  

รูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลที่ ๓ อยู่ด้านซ้าย                                              รูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลที่ ๔ อยู่ด้านขวา
เป็นภาพปราสาท ๓ ห้อง มีฉัตร ๕ ชั้น                                                           เป็นภาพมงกุฎวางอยู่บนแป้น มีฉัตร ๕ ชั้น
                 ขนาบซ้ายขวา                                                                                                           ขนาบซ้ายขวา

ทั้งยังทรงเผยแผ่พระสัทธรรมแห่งองค์พระบรมศาสดาให้ไปงอกงามยังดินแดนอื่น ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือ “The Status of Pali in Cambodia : from Canonical to Esoteric Language” โดย  Olivier de Bernon ว่า ในปี พ.ศ. ๒๓๙๗  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ส่งพระไตรปิฎกฉบับครบถ้วนสมบูรณ์ไปยังสมเด็จพระหริรักษ์รามสุริยะมหาอิศวรอดิภาพ (นักองด้วง) ปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาสมัยใหม่ ซึ่งถือเป็นเอกสารด้านการสืบทอดภาษาบาลีฉบับสมบูรณ์ของประวัติศาสตร์กัมพูชาเลยทีเดียว

นอกจากเจ้าฟ้ามงกุฎจะทรงมีส่วนสำคัญในการสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกในสมัยรัชกาลที่ ๓ แล้ว ช่วงที่พระองค์ทรงปกครองวัดบวรนิเวศวิหาร โปรดเกล้าฯ ให้นำเทคโนโลยีการพิมพ์มาใช้เพื่อประโยชน์ทางพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกของประเทศขึ้นภายในวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำสื่อสิ่งพิมพ์ตอบโต้คำสอนของคริสต์ศาสนาที่โจมตีพุทธศาสนาผ่านสิ่งพิมพ์อย่างต่อเนื่อง และให้มีการเผยแผ่คำสอนทางพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการเผยแผ่คำสอนของมิชชันนารีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเพื่อลดความซับซ้อนของอักขรวิธีในการเขียนและการพิมพ์ ทรงประดิษฐ์อักษรขึ้นใหม่ เรียกว่า อักษรอริยกะ หมายถึง อักษรของผู้เจริญ โดยทรงดัดแปลงอักษรโรมันของชาวตะวันตกมาใช้  ในการบันทึกภาษาบาลีแทนอักษรขอมไทยที่ใช้มาแต่เดิม รูปสัณฐานคล้ายคลึงกับอักษรโรมัน มีรูปพยัญชนะ ๓๓ ตัว สระ ๘ ตัว สระและพยัญชนะวางอยู่บนบรรทัดเดียวกัน คล้ายคลึงกับอักษรไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แต่อักษรนี้มีความแตกต่างจากอักษรไทยอยู่มาก จึงไม่เป็นที่นิยมและเลิกใช้ไปในที่สุด

ลายพระหัตถ์พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนามพระองค์เจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ
พระราชโอรส เป็นคาถาภาษาบาลีอักษรอริยกะ ซึ่งภายหลังได้ทรงรับสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระสังฆราชเจ้าพระองค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

โรงพิมพ์แห่งแรกของแผ่นดินสยาม ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร  ตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓

พระปรีชาสามารถในสรรพวิชาที่เจ้าฟ้ามงกุฎได้จากประสบการณ์ตลอด ๒๗ พรรษาภายใต้ผ้ากาสาวพัสตร์ ประกอบกับสายพระเนตรที่ยาวไกลจากการปฏิสัมพันธ์กับนานาอารยประเทศ  นับเป็นคุณประโยชน์ยิ่งในการปกครองราชอาณาจักรให้สงบร่มเย็นเมื่อเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระเชษฐาธิราชในกาลต่อมา พระราชภารกิจสำคัญในฐานะพระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ ๔ แห่งสยามประเทศ ตลอดระยะเวลา ๑๘ ปี คือ การดำเนินวิเทโศบาย นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นจากภัยคุกคามในยุคล่าอาณานิคม คงความเป็นเอกราชด้วยความสวัสดี ทั้งยังแสดงให้อารยประเทศทั้งหลายได้ประจักษ์ว่า แผ่นดินสยามเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาที่พรั่งพร้อมไปด้วยอารยธรรมอันงดงาม

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ออกรับราชทูตฝรั่งเศส
ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม  ในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์

อ้างอิง
ก่องแก้ว วีระประจักษ์ และวิรัตน์ อุนนาทรวรางกูร. คัมภีร์ใบลานฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ :   กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.

สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. พัฒนาการของอักษรไทย. กรุงเทพฯ : 
โรงพิมพ์พระพุทธศาสนา, ๒๕๕๖.

สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. วิวัฒน์การอ่านไทย. กรุงเทพฯ :             
โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๕๖.

Cr. Tipitaka (DTP)
วารสารอยู่ในบุญ  ฉบับที่ ๑๕๓  เดือนกรกฎาคม  พ.ศ. ๒๕๕๘








คลิกอ่านพระไตรปิฎก (DTP) ของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
หีดธัมม์ งานศิลป์ ถิ่นเหนือ
กากะเยีย ขั้นกะเยีย... ผสานศิลป์ ถิ่นอีสาน
บูรพกษัตริย์ไทยกับพระไตรปิฎก
พระมหากษัตริย์ไทยกับพระไตรปิฎก ตอน ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย… รัชสมัยแห่งการฟื้นฟู
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว... ยุคทองแห่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระไตรปิฎกพิมพ์อักษรไทย อธิปไตยของแผ่นดิน
สืบทอดพุทธธรรม... จากพุทธกาลสู่โลกปัจจุบัน
ศึกษาหลักฐานพุทธศิลป์...ย้อนแดนดิน ถิ่นอารยธรรม
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ พระมหาธีรราชเจ้าของชาวสยาม
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ…พระไตรปิฎกของชาวไทย
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว... ก้าวสู่รัตนโกสินทร์ตอนกลาง พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว... ก้าวสู่รัตนโกสินทร์ตอนกลาง                                                                                    Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:39 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.