สองพระมหากษัตริย์...ร่มฉัตรปกแผ่นดิน


พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ ๘ ทรงเป็น พระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติในระบอบประชาธิปไตย การขึ้นครองราชย์ของพระองค์เป็นผลสืบเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงสละราชสมบัติ รัฐบาลและผู้แทนราษฎรจึงลงมติเห็นชอบกราบทูลเชิญพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล เชื้อพระวงศ์อันดับหนึ่งตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๘ แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งขณะนั้นพระองค์มีพระชันษาได้เพียง ๙ ปีเท่านั้น และกำลังทรงศึกษาอยู่ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระเชษฐภคินี (สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์) และพระอนุชา (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลยังทรงพระเยาว์ ไม่สามารถปฏิบัติพระราชภารกิจได้ จึงมีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินจนกว่าพระองค์จะทรงบรรลุนิติภาวะ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย

พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ และเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อสงครามโลกสงบลง ในครั้งหลังนี้พระองค์ทรงบรรลุนิติภาวะและสามารถว่าราชการแผ่นดินได้โดยไม่ต้องมีผู้สำเร็จราชการ แม้ว่าพระองค์จะทรงเจริญวัยในต่างแดน แต่ก็ทรงมีพระปรีชาสามารถบริหารประเทศชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีพระราชหฤทัยเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ในรัชสมัยของพระองค์เริ่มมีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ พระไตรปิฎกแปลโดยอรรถและพระไตรปิฎกแปลโดยสำนวนเทศนา แต่กระทำได้ไม่เสร็จสมบูรณ์ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน

ในส่วนพระองค์เองได้ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะท่ามกลางมณฑลสงฆ์ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่คราวเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรก เมื่อเจริญพระชันษา ทรงใช้เวลาว่างศึกษาพระธรรมคำสอนต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ และโปรดเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรวัดสำคัญในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง และมีพระราชศรัทธาที่จะเสด็จออกผนวชในพระพุทธศาสนาหลังสำเร็จปริญญาเอกด้วยดังสำเนาพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์


สมเด็จพระสังฆราชจึงทรงนิพนธ์เรื่อง บวชถวาย แต่เพียงไม่กี่วันก่อนหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อปริญญาเอกที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคตขณะที่มีพระชนมพรรษาได้เพียง ๒๑ พรรษา ณ พระที่นั่งบรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง ยังความเศร้าโศกเสียใจแก่คนไทยทั้งแผ่นดิน


เมื่อสิ้นพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยอย่างกะทันหัน ในคืนวันเดียวกันรัฐสภามีมติเป็นเอกฉันท์กราบบังคมทูลเชิญเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระอนุชาขึ้นครองราชย์สืบต่อเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๙ และเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร 

นับแต่วันที่พระองค์เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติจวบจนปัจจุบันเป็นเวลา ๖๙ ปี ที่ทรงทุ่มเทพระวรกายมุ่งมั่นตรากตรำแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกร ให้ปวงชนชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุขสมดั่งพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เสวยราชย์นานที่สุดในประเทศไทย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เสวยราชย์นานที่สุดในโลกที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และที่สำคัญทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๔ นับแต่สมัยสุโขทัย ที่ทรงพระผนวชขณะครองราชย์สมบัติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระองค์
เป็นพุทธมามกะก่อนเสด็จไปศึกษาต่อ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวช
ท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๙๙

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ทรงได้รับพระสมณฉายาว่า ภูมิพโลภิกขุ ระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ ทรงปฏิบัติพระราชกิจเช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระอุโบสถทำวัตรเช้า-เย็น ทรงสดับพระปาฏิโมกข์ ทรงทำอุโบสถสังฆกรรม ทรงสดับพระธรรมและพระวินัย และเสด็จออกบิณฑบาต เป็นต้น


ในรัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่การเผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเจริญรุ่งเรือง งานแปลพระไตรปิฎกที่ค้างมาตั้งแต่สมัยพระบรมเชษฐาได้รับการสืบสานดำเนินการต่อจนเสร็จสมบูรณ์ ฉบับแรก คือพระไตรปิฎกภาษาไทย เป็นพระไตรปิฎกแปลโดยอรรถ พิมพ์เป็นเล่มสมุดจำนวน ๘๐ เล่มเสร็จสมบูรณ์เมื่องานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ และพระไตรปิฎกฉบับหลวงเป็นพระไตรปิฎกแปลโดยสำนวนเทศนา พิมพ์ใบลาน แบ่งเป็น ๑,๒๕๐ กัณฑ์ เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒

การสังคายนาครั้งที่ ๖ หรือฉัฏฐสังคายนา
ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์
วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ จนถึง
วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๙

เมื่อคราวกระทำฉัฏฐสังคายนา ณ มหาปาสาณคูหา กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเสด็จไปทรงอนุโมทนาการสังคายนาที่ถือว่าเป็นการสังคายนาระดับนานาชาติครั้งแรกและครั้งเดียวของโลกที่พระภิกษุสงฆ์และนักปราชญ์ผู้ทรงความรู้พระไตรปิฎกบาลีจากประเทศพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาททุกประเทศมาประชุมกัน และพระไตรปิฎกฉบับฉัฏฐสังคีติ อักษรพม่า ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระไตรปิฎกที่เป็นมาตรฐานนานาชาติของพระพุทธศาสนาเถรวาททั่วโลก

ในเวลาต่อมากองทุนสนทนาธรรมนำสุขท่านผู้หญิง ม.ล. มณีรัตน์ บุนนาค ในพระสังฆราชูปถัมภ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ริเริ่มจัดพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาบาลีจากการสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นอักษรโรมันเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชได้ประทานชื่อเป็นภาษาบาลีว่า มหาสงฺคีติ ติปิฏก พุทฺธวสฺเส ๒๕๐๐ และเป็นภาษาไทยว่า พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ อักษรโรมัน โดยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาทรงพระกรุณารับเป็นประธานกิตติมศักดิ์การประดิษฐานพระไตรปิฎกสากลอักษรโรมันในนานาประเทศตามรอยพระไตรปิฎกบาฬี ฉบับ จุลจอมเกล้าบรมธรรมิกมหาราช ร.ศ. ๑๑๒ อักษรสยาม ซึ่งเป็นพระไตรปิฎกอักษรไทยฉบับพิมพ์ชุดแรกของโลก ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์และพระราชทานไปยังสถาบันสำคัญทั่วโลกเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

พระไตรปิฎกบาฬี
ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๐ อักษรโรมัน

พระไตรปิฎก
ฉบับสำหรับประชาชน
มหามกุฏราชวิทยาลัย

นอกจากนี้ยังมีพระไตรปิฎกอีกหลายชุดที่จัดทำขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชาชน อาทิ พระไตรปิฎก บาลีไทย ฉบับภูมิพโลภิกขุ พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และพระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นต้น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๒ พระองค์ ทรงเป็นหลักใจและหลักชัยแก่ปวงชนชาวไทยในยามประเทศก้าวสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อำนาจการเมืองและความไม่สงบทั้งภายในและภายนอกทำให้ผู้คนในชาติประสบความขัดเคือง ไร้ซึ่งความสงบสุข แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพ กอปรกับพระราชศรัทธาที่ทั้ง ๒ พระองค์ทรงมีต่อพระพุทธศาสนา
จึงทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม นำพาชาติบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขภายใต้พระบารมีปกกระหม่อม เปรียบประหนึ่งร่มฉัตรปกป้องคุ้มครองพสกนิกรอย่างหาที่สุดมิได้ ยังความภาคภูมิใจในดวงใจแห่งทวยราษฎร์ ที่ได้เกิดภายใต้พระบรมโพธิสมภารในดินแดนแห่งศาสนาอันเรืองรองแห่งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม

--------------------------------------------
คณะกรรมการโครงการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย. (๒๕๔๒). ทรงพระผนวช. กรุงเทพมหานคร : บริษัทสตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน).
วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร. (๒๕๕๓). พ่อหลวงกับพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : บานาน่า สตูดิโอ จำกัด.


สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ. คู่มือบทโทรทัศน์สารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร. กรุงเทพมหานคร.

Cr. Tipitaka (DTP)
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๕๙ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว






คลิกอ่านพระไตรปิฎก (DTP) ของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
สองพระมหากษัตริย์...ร่มฉัตรปกแผ่นดิน สองพระมหากษัตริย์...ร่มฉัตรปกแผ่นดิน Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:28 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.