อักษรธรรมล้านนา อักษราจารพุทธธรรม
ย้อนไปนานนับพันปี
บริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนา
มีพื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัด อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน
ตลอดจนเขตสิบสองปันนาของจีนและบางส่วนของพม่าและลาว
ผู้คนในถิ่นนี้มีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเอง
อักษรที่นิยมใช้เขียนวรรณคดีทางโลก คือ อักษรฝักขาม
ส่วนอักษรที่นิยมใช้บันทึกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา คือ อักษรธรรม
จึงเรียกอักษรธรรมที่ใช้ในอาณาจักรล้านนาว่า “อักษรธรรมล้านนา”
สมัยพระเจ้าติโลกราช
พระมหากษัตริย์ล้านนาแห่งราชวงศ์มังรายพระองค์ที่ ๙
ถือเป็นยุคทองของภาษาและวรรณกรรมล้านนาทั้งยังเป็นยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรือง
เนื่องด้วยพระองค์ทรงส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลีและทรงสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรปฏิบัติตามหลักพระวินัยอย่างเคร่งครัดจึงทำให้คณะสงฆ์มีความเชี่ยวชาญและแตกฉานในพระไตรปิฎก
จนสามารถจัดสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินไทยในปี พ.ศ. ๒๐๒๐ ณ
วัดโพธารามมหาวิหาร(วัดเจ็ดยอด)
แล้วใช้อักษรธรรมล้านนาจารึกพระไตรปิฎกบาลีลงในคัมภีร์ใบลาน
และได้แจกจ่ายเผยแผ่ไปยังเมืองต่าง ๆ เช่น เมืองสิบสองปันนา เมืองหลวงพระบาง
และหัวเมืองต่าง ๆ ของอาณาจักรล้านนา
ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญของพระพุทธศาสนาในล้านนาสืบต่อมาอีกหลายยุคสมัย
ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
พระมหาเถระผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างและรวบรวมคัมภีร์ใบลานอักษรธรรมล้านนา
ผู้เป็นที่เคารพรักและนับถือของสาธุชนตลอดจนเจ้าผู้ครองนคร คือครูบากัญจนอรัญญวาสีมหาเถรหรือครูบามหาเถร
ผู้แตกฉานในอรรถบาลีและพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง
ท่านมีพื้นเพเดิมอยู่ที่เมืองแพร่ (จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน)
ได้บรรพชาเป็นสามเณรศึกษาอักขระล้านนาตั้งแต่เยาว์วัย ณ วัดสูงเม่น จังหวัดแพร่
เมื่อครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาว่า “กัญจนภิกขุ”
ด้วยความสนใจในวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ท่านจึงเดินทางไปเมืองเชียงใหม่เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนาธุระเพิ่มเติมและเนื่องจากท่านเป็นพระภิกษุผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถและสร้างคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนามากมาย
ท่านจึงได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์เมืองเชียงใหม่ในเวลาต่อมา
ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙ (จ.ศ. ๑๑๘๘)
เจ้าหลวงแผ่นดินเย็นพุทธวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
มีพระราชศรัทธาจะประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้จีรังยั่งยืนในแว่นแคว้น
ทรงปรารถนาจะเจริญรอยตามพระพุทธโฆษาจารย์ พระภิกษุชาวอินเดีย ที่เดินทางไปรวบรวมคัมภีร์ใบลานพระไตรปิฎกที่เกาะลังกา
เพื่อนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองในดินแดนชมพูทวีปอีกครั้ง
จึงทรงเป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์สนับสนุนครูบากัญจนอรัญญวาสี พระมหาราชครู
และพระมหาเถระผู้ทรงคุณวุฒิแห่งเมืองเชียงใหม่ ให้ร่วมกันตรวจสอบและรวบรวมคัมภีร์พระไตรปิฎกโดยเฉพาะคัมภีร์พระวินัยและอรรถกถาที่ยังขาดตกบกพร่อง
แล้วเขียนเป็นหมวดหมู่ขึ้น
เมื่อแล้วเสร็จได้ทำการฉลองธรรมที่วัดพระสิงห์ต่อเนื่องกัน ๗ วัน ๗ คืน
วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ |
หลังจากที่ครูบากัญจนอรัญญวาสีได้รวบรวมคัมภีร์ในเมืองเชียงใหม่
ท่านได้รับอาราธนาจากเจ้าหลวงอินทรวิชัยราชา เจ้าผู้ครองเมืองแพร่
ให้อัญเชิญคัมภีร์อักษรธรรมจากเชียงใหม่มาประดิษฐาน ณ วัดสูงเม่น เมืองแพร่
ตลอดเส้นทางจากเมืองเชียงใหม่สู่เมืองแพร่
เจ้าผู้ครองนครและสาธุชนในเมืองที่ท่านเดินทางผ่านต่างให้การต้อนรับด้วยความเคารพ
แสดงให้เห็นว่าเจ้าผู้ครองนครและพุทธศาสนิกชนในสมัยก่อนให้ความเคารพในพระธรรม
และให้ความสำคัญต่องานของพระศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
ตู้พระธรรมลายรดน้ำ ศิลปะล้านนาประยุกต์ ซึ่งเจ้าหลวงเมืองแพร่ และพระชายาสร้างถวายวัดสูงเม่น |
ห่อผ้าบรรจุคัมภีร์ใบลาน ณ วัดช้างค้ำ จังหวัดเชียงใหม่ |
แม้ครูบากัญจนอรัญญวาสีจะเดินทางกลับมาเมืองแพร่อันเป็นพื้นเพเดิมของท่านแล้วก็ตาม
แต่ท่านก็ยังเดินหน้ารวบรวมและสร้างสรรค์คัมภีร์ใบลานต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งท่านเขียนตำรามูลกัมมัฏฐานขึ้นที่เมืองแพร่และออกเดินทางไปยังเมืองต่าง
ๆ ในอาณาจักรล้านนา อาทิ
ไปถึงเมืองน่านเพื่อร่วมตรวจชำระคัมภีร์พระไตรปิฎกและคัมภีร์ธรรมที่วัดช้างค้ำ
และไปเมืองหลวงพระบางเพื่อสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกที่วัดวิชุนราช
โดยมีเจ้าหลวงชื่อมังธาเป็นศาสนูปถัมภก
หากศึกษาตัวอย่างคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานที่เก็บรักษาไว้
ณ วัดสูงเม่น
ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งคัมภีร์ใบลานอักษรธรรมล้านนาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
จะพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างคัมภีร์ตั้งแต่ชื่อผู้สร้างปีที่สร้าง
จำนวนแผ่นลาน จารจารึกไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะข้อมูลของสถานที่ที่จารคัมภีร์ฉบับนั้น
ๆ ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญในการศึกษาภาษาบาลี ประวัติศาสตร์ และพระพุทธศาสนาในแผ่นดินไทย
ใบลานพระไตรปิฎกบาลีสีลขันธวรรค
ทีฆนิกาย อักษรธรรมล้านนา จากวัดสูงเม่น จารเมื่อจุลศักราช ๑๑๙๘ (พ.ศ. ๒๓๗๙)
สร้างที่เมืองน่าน หนึ่งมัดมี ๑๑ ผูก รวม ๒๘๖ แผ่น ปรากฏชื่อผู้จาร ปีที่จาร
ลานหน้าสุดท้ายของผูกแรกจารข้อความว่า ข้าน้อยแสนไชยลาบ
จารคัมภีร์ผูกนี้เสร็จในเดือน ๙ ปีรวายสัน (ปีตามปฏิทินล้านนา) จุลศักราช ๑๑๙๘
พร้อมระบุคำอธิษฐานจิตขอให้เหตุแห่งการสร้างคัมภีร์ฉบับนี้ (ผลบุญที่ทำ)
เป็นปัจจัยส่งให้ถึงพระนิพพาน
แผ่นลานจารพระไตรปิฎกบาลีสีลขันธวรรค
ทีฆนิกาย อักษรธรรมล้านนา จากวัดสูงเม่น จารเมื่อจุลศักราช ๑๑๙๘ (พ.ศ. ๒๓๗๙)
สร้างที่เมืองแพร่ หนึ่งมัดมี ๑๓ ผูก รวม ๓๕๘ แผ่น
หน้าสุดท้ายของผูกแรกจารข้อความว่า
คัมภีร์ฉบับนี้สร้างโดยพระมหาเถรเจ้ากัญจนอรัญญวาสี และสานุศิษย์แห่งเมืองแพร่
โดยราชวงศ์แห่งเมืองหลวงพระบางมีศรัทธาพร้อมกันสร้างขึ้น
เป็นที่น่าสังเกตว่า
ไม่ว่าครูบากัญจนอรัญญวาสมี หาเถรเดนิ ทางไป ณ ที่แห่ง
ใดท่านจะมีส่วนสำคัญในการตรวจชำระและสร้างคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา
รวมไปถึงศาสนสถานสำคัญ ณ ที่แห่งนั้นให้เจริญรุ่งเรือง
ในขณะเดียวกันก็ได้อัญเชิญคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นจากดินแดนต่าง ๆ
ในล้านนากลับมาประดิษฐานรวบรวมไว้ ณ หอไตร วัดสูงเม่น จังหวัดแพร่ จำนวนหลายพันมัด
ทำให้การศึกษาพระพุทธศาสนาขยายออกไปในวงกว้าง นับเป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความวิริยอุตสาหะอย่างยิ่งยวด
อีกทั้งต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของสาธุชน ผู้ปกครองบ้านเมือง
และคณะสงฆ์ในแต่ละท้องถิ่นให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง จึงทำให้ผลงานอันล้ำค่า คือ
คัมภีร์ใบลานตกทอดมาถึงชาวพุทธในปัจจุบัน
ดังนั้นจึงถือเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกันสานต่อมโนปณิธานในอันที่จะดูแลปกป้องคำสอนของพระพุทธเจ้าให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยเฉกเช่นเดียวกับบรรพบุรุษไทยในกาลก่อนที่ทุ่มเทกายและใจรักษาไว้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
Cr. Tipitaka (DTP)
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๓ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
คลิกอ่านพระไตรปิฎก (DTP) ของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
|
คลิกอ่านพระไตรปิฎก (DTP) ของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ…พระไตรปิฎกของชาวไทย (ปีก่อนหน้า)
สองพระมหากษัตริย์...ร่มฉัตรปกแผ่นดิน
สองพระมหากษัตริย์...ร่มฉัตรปกแผ่นดิน
ผ้าห่อถักทอเชื่อมสายบุญ (ปีถัดไป)
อักษรธรรมล้านนา อักษราจารพุทธธรรม
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
02:35
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: