รองรับพระธรรม น้อมนำถวาย


พระไตรปิฎกบาลีหรือพระบาลีเป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทที่บันทึกคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในยุคแรกคำสอนของพระองค์เรียกโดยรวมว่าพระธรรมวินัย ต่อมาในภายหลังจึงแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๓ หมวด คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก พุทธศาสนิกชนถือว่าพระไตรปิฎกที่บรรจุคำสอน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นี้ เปรียบเสมือนตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดั่งพุทธพจน์ที่พระองค์ตรัสกับพระอานนท์ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า พระธรรมวินัยจะเป็นศาสดาแทนพระองค์ภายหลังที่พระองค์ทรงล่วงลับไปแล้ว



นับแต่โบราณกาล พระธรรมคำสอนของพระบรมครูได้รับการจารจารึกเป็นอักขระลงบนแผ่นใบลาน เก็บรวมเข้าผูกด้วยสายสนองมีไม้ประกับประกบหน้าหลังไม่ให้แตกมัด และรักษาไว้อย่างดีในห่อผ้า พร้อมป้ายฉลากเขียนรายละเอียดของเรื่องที่จารนั้นเสียบบอกไว้หน้าคัมภีร์ ทุกองค์ประกอบสะท้อนให้เห็นความตั้งใจที่จะน้อมถวายคัมภีร์ไว้เพื่อเป็นพุทธบูชา คัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานจึงถือเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพบูชา ทั้งยังสรรค์สร้างศาสนสถานและศาสนวัตถุที่คู่ควรเพื่อรองรับมัดคัมภีร์ใบลาน อาทิเช่น หีบพระธรรมและตู้พระไตรปิฎก ด้วยเชื่อมั่นว่าธรรมทานและวัตถุทานอันเลิศที่ได้น้อมถวายไว้ดีแล้วในบวรพระพุทธศาสนานี้ จะเป็นพลวปัจจัยส่งผลดลบันดาลให้ทายกทายิกาผู้มีส่วนในการสร้างได้ผลานิสงส์มหาศาล ดั่งปรากฏในคัมภีร์สังคีติยวงศ์ วรรณกรรมพระพุทธศาสนา ที่รจนาโดยสมเด็จพระวันรัตวัดพระเชตุพนฯ ในรัชกาลที่ ๑ กล่าวถึงอานิสงส์ของการถวายตู้บรรจุพระธรรมไว้สรุปความได้โดยสังเขป คือ หากผู้ถวายตู้บรรจุพระธรรมได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ด้วยกุศลผลบุญแห่งการถวายจะทำให้เป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่จะได้ในสิ่งที่ปรารถนา มั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติและบริวาร มีผิวพรรณงดงาม มีกลิ่นกายหอมฟุ้ง มีสติปัญญาหลักแหลม




หากเกิดเป็นกษัตริย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิครองทวีปทั้ง ๔ มีแก้ว ๗ ประการเกิดมาเป็นของคู่บุญ เมื่อเสด็จไปทางใดก็จะมีเหล่าเสนามาตย์พร้อมทั้งขบวนรถ ขบวนช้าง ขบวนม้า และขบวนทหารราบ แวดล้อมติดตามเป็นขบวนใหญ่ถึง ๗ โยชน์ หากไปบังเกิดเป็นเทวดา กุศลผลบุญจะดลบันดาลให้ได้เป็นพระอินทร์ ครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ถึง ๗ ครั้ง ครั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เมื่อได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจะออกบวชและได้บรรลุธรรม และในที่สุดหากผู้ถวายตั้งจิตปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต ผลบุญจากการถวายตู้พระธรรมนี้ จะเป็นพลวปัจจัยเกื้อหนุนให้เข้าถึงพุทธภูมิในภายภาคหน้า


อานิสงส์ที่กล่าวไว้ในวรรณกรรมยุคปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ดังกล่าว ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ชาวสยามน่าจะรู้จักการสร้างและตกแต่งหีบหรือตู้พระธรรมเพื่อถวายเป็นศาสนสมบัติมาก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่ก็สามารถศึกษาประวัติที่มาได้จากหลักฐานข้างเคียง ตัวอย่างเช่น ข้อความที่ปรากฏในหนังสือสารานุกรมไทยฉบับเยาวชน ซึ่งกล่าวไว้ว่า ในจารึกปราสาทพระขรรค์ ที่จารึกภาษาสันสกฤตด้วยอักษรขอม พ.ศ. ๑๗๓๔ พบที่เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ปรากฏคำว่า หีบจีน ๕๒๐ ใบและปรากฏชื่อเมืองของอาณาจักรโบราณ ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าอยู่ในเขตสยามประเทศ นี้เป็นหนึ่งในหลักฐานที่คาดคะเนได้ว่าหมู่ชนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รู้จักใช้หีบมาตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัย

หีบในช่วงแรกที่ได้รับอิทธิพลจากจีนใช้บรรจุเสื้อผ้าหรือสิ่งของเครื่องใช้ เมื่อนิยมใช้สืบทอดเรื่อยมา จึงเริ่มมีการดัดแปลงออกแบบให้เหมาะกับประโยชน์การใช้สอยในวิถีชีวิตของคนไทย หากเป็นหีบหรือตู้ของชนชั้นสามัญทั่วไป วัสดุและการตกแต่งอาจไม่วิจิตรหรูหรานัก แต่หากเป็นของชนชั้นสูงย่อมใช้วัสดุคุณภาพดีและตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง โดยเฉพาะหากหีบและตู้นั้นสร้างขึ้นเพื่อรองรับพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวัสดุและการตกแต่งย่อมละเอียดประณีตยิ่งๆ ขึ้นไป เกิดการผสมผสานเป็นผลงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ เก็บไว้ในหอไตรตามอารามต่างๆ จากหีบทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่ได้รับอิทธิพลจากจีน ก็ปรับเป็นหีบพระธรรมทรงสี่เหลี่ยม ด้านล่างทำฐานสอบเข้า ส่วนปากหีบเผยออก มีฝาครอบปิดด้านบน มีหูทำด้วยโลหะด้านข้างทั้ง ๒ ด้าน หรือพัฒนาจากหีบกลายเป็นตู้ด้วยการต่อขาลงมา ๔ มุม ตู้ด้านบนสอบเข้า ด้านหน้าด้านหลังกว้างกว่าด้านข้างมีประตูเปิดปิด ๒ บาน ภายในมีชั้นไม้สำหรับวางห่อคัมภีร์ใบลาน ๓-๔ ชั้น ขนาดของตู้แตกต่างกันไป จำแนกตามลักษณะของ ขา หรือ ฐานได้ ๔ แบบ

หีบทรงสี่เหลี่ยม

หีบพระธรรมฝาตัด

หีบพระธรรมฝาคุ่ม

ตู้พระธรรมฐานสิงห์ ตัวตู้ไม่มีขา แต่ตั้งอยู่บนแท่น ฐานเป็นชั้นซ้อน

ตู้พระธรรมขาคู้ มีลักษณะคล้ายตู้พระธรรมเท้าสิงห์ ส่วนปลายของขาคู้เข้าด้านใน

ตู้พระธรรมขาสิงห์ ขาตู้เป็นรูปเท้าสิงห์ มีนิ้วและเล็บสิงห์ บางครั้งเป็นเท้าสิงห์เหยียบลูกแก้ว

ตู้พระธรรมขาหมู ส่วนปลายของขาทั้งสี่ ตรงและผายออกตามแนวสอบของทรงตู้


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี อธิบายลักษณะของตู้พระธรรมไว้ในหนังสือ ตู้ลายรดน้ำ ว่า

ตู้พระธรรมที่แท้จริงนั้น มีทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนบนสอบ มีขาตั้งตรงมุม ๔ ขายาวจากมุมของตู้ลงไปประมาณ ๑๕ หรือ ๒๐ นิ้ว โดยทั่วไปขาของตู้พระธรรมนั้น ส่วนมากตกแต่งเป็นลายรดน้ำ หรือทำเป็นลายจำหลักไม้บ้างแต่เป็นส่วนน้อย แม้ว่าตู้พระธรรมจะมีขนาดแตกต่างกันอยู่มากก็ตาม ขนาดเฉลี่ยโดยทั่วไปพอกำหนดได้ดังนี้ คือ สูง ๕๐ นิ้ว กว้าง ๔๐ นิ้วและลึก ๓๐ นิ้ว ขาตู้ยาว ๑๕ หรือ ๒๐ นิ้ว

(ตู้ลายรดน้ำ, ๒๕๐๓ : ๑๒)


ตู้พระธรรมที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ สมัย คือ สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ แม้ตู้พระธรรมจะแตกต่างกันด้วยยุคสมัยและรูปแบบการตกแต่งทางศิลปะ แต่สิ่งที่แน่วแน่ตรงกันคือ ความตั้งใจของทายกทายิกาที่ถวายตู้พระธรรมไว้ในบวรพระพุทธศาสนา เพื่อรองรับคำ สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมคำอธิษฐานให้ผลบุญดังกล่าวส่งผลให้ตนประสบความสำเร็จและบรรลุในสิ่งที่ปรารถนาไว้ดีแล้ว อันมีที่สุด คือ มรรค ผล นิพพาน ดังคำจารึกที่ปรากฏที่ตู้ขาหมูมีลิ้นชัก ซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ หอสมุดแห่งชาติ มีคำจารึกที่ขอบล่าง ด้านหน้าว่า ตู้ใบนิ นายแกน แมหนับแมทองยูสร้าง เมื่อพระพุทธะสาศะนาล่วงแล้ว ๒๔๐๘ พระวะษา ปีฉะลูสัพตศก เป็นเงินตราขอให้เป็นปัจจัยแก่พระนิพพานเถิด

------------------------------------------------
บุญเตือน ศรีวรพจน์. รามเกียรติ์จากตู้ลายรดน้ำ. กรุงเทพฯ : สำ นักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
กรมศิลปากร, ๒๕๕๕.
ศิลป์ พีระศรี. เรื่องตู้ลายรดน้ำ. พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๕๐๓.
อภิวันทน์ อดุลยพิเชฏฐ์. ลายรดน้ำ. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๕.

Cr. Tipitaka (DTP)
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๐ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙







คลิกอ่านพระไตรปิฎก (DTP) ของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
รองรับพระธรรม น้อมนำถวาย รองรับพระธรรม น้อมนำถวาย Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:57 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.