ทุกคำสอนของคุณยาย ล้วนเป็นปฏิปทาที่ท่านสั่งสม


ทุกคำสอนของคุณยาย
ล้วนเป็นปฏิปทาที่ท่านสั่งสม
..........................................................
โดย พระอนุชา อคฺคจิตฺโต

ถ้าจะพูดถึงคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ของเรา อาตมาอยากจะใช้คําๆ หนึ่งก็คือว่า คุณยายของเราเป็นครูที่ยิ่งกว่าครูทั้งหลาย คําสอนทั้งหลายที่คุณยายสอนนั่นคือสิ่งที่ท่านทําได้ แล้วท่านไม่ใช่ว่าทําได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ท่านทําได้ตลอดชีวิตของท่านทีเดียว และสิ่งที่ท่านสอนเรานั้น ถ้าใครก็ตาม ตั้งใจฟัง และนํามาประพฤติปฏิบัติ ชีวิตของบุคคลนั้น จะได้รับความสุข ความเจริญก้าวหน้า ทั้งในปัจจุบันนี้ แล้วก็ติดตัวข้ามชาติไป ทําให้ไปสู่สวรรค์และนิพพานได้

นี่จึงถือว่าคุณยายท่านเป็นครูที่ยิ่งกว่าครูทั้งหลาย

วันนี้อาตมาขอนำคําสอนของคุณยาย ซึ่งทุกๆ คําสอนนั้นก็คือปฏิปทา ที่คุณยายได้ประพฤติปฏิบัติเป็นชีวิตจิตใจของท่านทีเดียว

🌑 คำสอนประการที่ ๑
คุณยายของเราท่านแนะนําไว้ว่า เวลาที่มีปัญหา มีทุกข์เกิดขึ้นในชีวิต ท่านบอกว่า เวลามีทุกข์ให้สวดมนต์เยอะๆ นั่งสมาธิ นั่งภาวนา สัมมา อะระหัง มากๆ ท่านบอกไม่มีใครช่วยเราได้เท่ากับตัวของเราเอง การสวดมนต์มีความสําคัญมาก ชีวิตของอาตมาในช่วงที่มาวัด เป็นนักศึกษา เป็นฆราวาส ก่อนบวช เข้าใจชีวิตของคนทางโลกในระดับหนึ่ง บางวัน เราไปเจออะไรสารพัดเลย ที่กระทบกระเทือนใจของเรา ทําให้เราดีใจ ให้เราเสียใจ ให้เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

กลับมาบ้าน มึนๆ ตึงๆ ไม่มีความสบายเลย นั่งสมาธิหลับตาก็นั่งไม่ลง เพราะอะไร ใจมันหยาบมันกระด้าง มันแข็งกระด้าง ไม่อ่อนโยน

แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่อาตมาทําเป็นประจําก็คือ สวดมนต์ทําวัตรเย็น พอสวดมนต์ทำวัตร สังเกตได้เลย เราค่อยๆ ผ่อนคลาย ทั้งกายและใจ มีความรู้สึกสบาย ใจละเอียดอ่อน นุ่มนวลขึ้น แล้วทําให้นั่งสมาธิได้ ใจสอดเข้าไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้ นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งของนักปฏิบัติธรรม วันไหนก็ตาม เราตึงๆ เครียดๆ มา เราสวดมนต์จะทําให้ใจเราผ่อนคลาย ร่างกายสบาย แล้วเราจะนั่งสมาธิ เอาใจสอดเข้าศูนย์กลางกาย จิตเราก็จะสงบได้อย่างง่ายๆ นี่คือโอวาทคําสอนของคุณยาย

🌑 คำสอนประการที่ ๒
ท่านบอกว่า การมาวัดวันหนึ่งก็ได้บุญไปช่วงหนึ่ง ถ้าไม่มาก็ไม่ได้ ถ้ามาแล้วก็ได้บุญ บุญจะสะสมทับทวี เหมือนกับเก็บออมสิน เหมือนหยอดกระปุกนั่นเอง

แล้วคนเรานี้ถ้าอยู่เฉยๆ เรากินบุญเก่าอย่างเดียว บุญหมดเมื่อไหร่ เราจะแย่ เราจะลำบาก เพราะฉะนั้นเราต้องเติมบุญอยู่เสมอ การมาวัดเป็นประจําก็คือ การเติมบุญให้แก่ตัวเองเป็นประจํา ชีวิตจิตใจของคนๆ นั้นก็จะยิ่งดีขึ้นไปเรื่อยๆ หลายๆ ท่านก็คงจะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้น เราควรจะมาวัดอยู่เป็นประจํา แล้วบุญบารมีก็จะช่วยเสริม ให้ชีวิตเราดีขึ้นไปเรื่อยๆ

🌑 คําสอนประการที่ ๓
คุณยายท่านบอกว่า ถึงแม้เราจะมีบารมีไม่เท่ากับคนอื่น แต่ถ้าเรามีความเพียร ทำอย่างสม่ำเสมอ ในที่สุดเราย่อมถึงเส้นชัยได้

คุณยายท่านบอกว่าใครร่วมบุญกับยาย จะมีสายบุญโยงกันไว้ แล้วจะเกิดไปพบกัน ไปเจอกัน และจะได้ไปสร้างบุญบารมีร่วมกันอีก

🌑 คําสอนประการที่ ๔
ยายบอกว่า จะทําอะไรให้นึกถึงบุญ ให้อยู่ในบุญ เวลานั่งสมาธิ ก็อธิษฐานเอาบุญมาช่วย สิ่งนั้นจะสําเร็จได้ด้วยบุญ

เวลาที่คุณยายสร้างวัด เวลาไปเล่าให้ใครฟัง โดยเฉพาะถ้าเป็นคนใหม่ๆ ก็คงไม่เข้าใจ แต่ทุกท่านในที่นี้คงเข้าใจว่า คุณยายท่านหลับตาสร้างวัด หลับตาตามสมบัติ ตามผู้คนให้มาช่วยกันสร้างวัด ทําให้สร้างวัดสําเร็จ จนกระทั่งมาถึงพื้นที่ ๒,๐๐๐ ไร่ ท่านหลับตาสร้างทั้งสิ้นเลย หลับตาทําสมาธิ แล้วท่านก็นึกถึงบุญบารมี แล้วก็อธิษฐานให้สมบัติทั้งหลายที่สั่งสมมา สมบัติทั้งหลายในโลกนี้ ให้มาช่วยหล่อเลี้ยงหมู่ คณะให้สร้างวัตได้สําเร็จ แล้วก็ตามคนดีๆ มา ให้มาช่วยกันสร้างวัดให้สําเร็จ ท่านทําอย่างนี้ มาตลอดชีวิตเลย

การหลับตาสร้างวัดของคุณยายนั้นก็คือ การน้อมใจกลับไปที่แหล่งของความสําเร็จ คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ แล้วก็น้อมนำบุญบารมีทั้งหลาย บุญบารมีของท่านเองก็ตาม บารมีของพระนิพพานก็ตาม ให้มาช่วย งานทั้งหลายจึงสําเร็จมาได้ด้วยดี นี่เป็นเรื่องของการอยู่ในบุญ แล้วก็ใช้บุญเป็น อธิษฐานในสิ่งที่เราปรารถนา เราก็จะได้สมความปรารถนานั้นๆ เพียงแต่ว่าจะได้ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง

แล้วจะเร็วได้อย่างไร แล้วทําไมถึงช้า ขึ้นอยู่กับบุญ จะทำให้บุญแรงก็ให้ทำทาน รักษาศีล แล้วก็ภาวนาให้หมั่นทําไป โดยเฉพาะการนั่งสมาธิภาวนาก็หมั่นนึก หมั่นตรึก ขยันนั่ง จิตเราก็จะมีบุญหล่อเลี้ยงเต็มที่แล้วคําอธิษฐานก็จะสําเร็จผลได้อย่างรวดเร็ว

คุณยายบอกว่า ให้มีความเพียรในการนั่งธรรมะให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ตอนที่ยายยังไม่ได้ธรรมะ ยายจะเดิน จะนั่ง ยายก็นึกอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งได้เข้าถึงธรรม การเข้าถึงธรรมนี่แหละเป็นหน้าที่ที่สําคัญที่สุด

ถามว่าวัดของเราเติบโตมาได้เพราะอะไร

ถ้าคนที่มาวัดเป็นประจํา ปฏิบัติธรรมได้ผล จะเข้าใจคําถามนี้ รู้เลยว่าจะตอบอย่างไร

วัดเราเติบโตมาได้เพราะการปฏิบัติธรรม การนั่งสมาธิที่สําคัญ เป็นแก่นของการเติบโตของวัด คนที่มีศรัทธาในคุณยาย ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ในหมู่คณะเรานี้ เพราะการนั่งสมาธิทั้งนั้นเลย หรือว่าจะบอกได้เลยว่า ที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจริงๆ ทุ่มเทชีวิตจิตใจร่วมสร้างบารมีกับท่าน เพราะการนั่งสมาธิเป็นการให้คําตอบว่าบุญมีจริง

เราจะเชื่อมั่นเลยว่าบุญมีจริง บารมีมีจริง เพราะเราปฏิบัติได้ผล สัมผัสกระแสบุญได้ด้วยตัวของเราเอง เราฟังหลวงพ่อ เราฟังคุณยายสอน เราก็เชื่อ แต่ความเชื่อมั่นที่เต็มร้อยเกิดขึ้นเมื่อเรานั่งสมาธิได้ผล สัมผัสกับประสบการณ์ภายในได้ นี่คือแก่นของวัดพระธรรมกาย

ทาน ทำไหมทำ ทําหนักด้วย ทําอย่างยิ่งยวด ศีลรักษาไหม รักษาอย่างยิ่งยวด ครูบาอาจารย์เรานั้นมีสมาธิที่สูงมาก และสามารถแนะนําให้ลูกศิษย์เข้าถึงสมาธิที่ลึกล้ำได้ เราจึงได้รับผลการปฏิบัติธรรมและเชื่อมั่นในเรื่องของบุญบารมี

เพราะฉะนั้นอาตมาก็ขอน้อมนำโอวาทของคุณยายที่ท่านได้แนะนําพวกเราทั้งหลายไว้ ถ้าใครประพฤติปฏิบัติตามคําสอนของคุณยาย ก็จะได้รับความสุข ความสําเร็จ ความเจริญก้าวหน้าในชีวิต จิตใจก็จะมีบุญบารมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็จะมีโอกาสได้ติดตามสร้างบารมีไปกับท่าน ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมทีเดียว

เรื่อง : พระอนุชา อคฺคจิตฺโต
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1hWDTCw1IbXMZ3pWlOvMgRru3hheezCk9/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/06YNB_4604/06YNB_4604.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
ทุกคำสอนของคุณยาย ล้วนเป็นปฏิปทาที่ท่านสั่งสม ทุกคำสอนของคุณยาย ล้วนเป็นปฏิปทาที่ท่านสั่งสม Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:38 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.