เหตุที่ทำให้ได้การต้อนรับ


เหตุที่ทำให้ได้การต้อนรับ
ไม่ขี้น้อยใจ ไม่อิจฉาตาร้อน
โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว

สำหรับวันนี้ หลวงพ่อมีเรื่องกุลสูตร ว่าด้วยตระกูลที่ภิกษุควรเข้าหรือไม่ควรเข้า มาฝากพวกเราทุกคน แต่ก่อนที่จะเจาะลึกไปถึงตรงนั้น หลวงพ่ออยากให้ภาพรวมกับพวกเราสักเล็กน้อย เพื่อปูพื้นความรู้ก่อนที่จะอธิบายกุลสูตร

เรื่องที่ ๑ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
หลวงพ่อจำได้ว่า ตั้งแต่เล็กจนโตมา จะเข้าไปบ้านใคร ครอบครัวไหน อาจจะเป็นบ้านญาติ บ้านเพื่อน หรือไปด้วยธุรกิจการงานก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

เมื่อไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ครูบาอาจารย์หรือพรรคพวกเพื่อนฝูงที่นั่น ก็จะพาไปบ้านเขาเป็นประจำ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ส่วนเพื่อนชาวเอเชียประเทศอื่นที่เขาไปเรียนด้วยกัน ก็ไม่มีใครได้รับการชวนไปกินข้าวที่บ้านเหมือนอย่างกับเรา

เรื่องที่ ๒ น้อยใจไม่เป็น
ตั้งแต่เล็กจนโต หลวงพ่อน้อยใจไม่เป็น เห็นบางคนน้อยใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ น้อยใจว่า พ่อแม่ไม่รัก มาทํางานก็บอกว่าผู้บังคับบัญชาไม่รัก ครั้นแต่งงานก็มาเจอสามีไม่รัก ภรรยาไม่รัก หนักเข้ามีลูก ลูกก็ไม่รัก แล้วก็มานั่งน้อยใจ แต่หลวงพ่อไม่เคยเป็น

สมัยเรียนหนังสือ บางชั้นเรียนครูบาอาจารย์อาจจะไม่ชอบเรา อาจเป็นเพราะซนมากไป หรือไม่ค่อยสนใจวิชาที่ท่านสอนเท่าที่ควร แต่หลวงพ่อรู้สึกเฉยๆ ครูไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เราก็กินอิ่มนอนหลับ เดี๋ยวก็เฮฮาไปได้ ไม่ค่อยเดือดร้อนอะไร

ผลการเรียน ไม่ถึงกับได้ท็อปในห้อง แต่ก็ได้ประมาณที่ ๕ ที่ ๖ เพราะฉะนั้น จะให้น้อยใจว่า เรียนไม่เก่ง ก็ไม่น้อยใจ

แม้ที่สุดเรื่องเล่นกีฬา หุ่นอ้วนๆ ล่ำๆ อย่างนี้ วิ่งเร็วสู้เขาไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้สึกน้อยใจ เราก็หันไปวิ่งทน ไม่รู้สึกว่าเป็นปมด้อย

พอเป็นวัยรุ่นขึ้นมาก็ไม่น้อยอกน้อยใจว่า เราไม่หล่อ เพราะคิดว่าไม่หล่อก็ไม่เป็นไร มีเรื่องชดเชยความไม่หล่ออีกตั้งมากมาย

เรื่องที่ ๓ อิจฉาใครไม่เป็น
อีกเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อภาคภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยสอนไว้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอกทุกเรื่อง มี ๑๐-๒๐ เรื่อง เป็นพระเอกกับเขาสักเรื่อง อีก ๙ เรื่อง เป็นคนใช้ เป็นผู้ช่วย ก็ไม่เป็นไร เราพอมีอวดไว้สักเรื่องเพียงพอแล้ว

เพราะฉะนั้น นอกจากน้อยใจไม่เป็นแล้ว ยังอิจฉาใครไม่เป็นอีกด้วย

ข้ามไปต่างประเทศอยู่ในหมู่คนผิวขาว ก็ไม่ได้ไปอิจฉาว่า เขาผิวขาว เราผิวเหลือง

การเรียนถึงแม้ไม่ได้ท็อป แต่ก็เรียนได้เลขตัวเดียวมาตลอด เลยอิจฉาใครไม่เป็น

ที่บ้านก็ไม่รวย แต่ก็ไม่ถึงกับมีใครมาทวงหนี้พูดง่ายๆ ปมเขื่องก็ไม่มี ปมด้อยก็ไม่มี

สิ่งเหล่านี้หลวงพ่อตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร จนกระทั่งมาพบคุณยาย และหลวงพ่อธัมมชโย เลยรู้เรื่องต่างๆ ว่า มีพื้นฐานเป็นอย่างไร อดีตเคยทําอะไรมา จึงได้อย่างนั้น ซึ่งก็หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรมในแง่มุมต่างๆ

ตระกูลที่พระภิกษุไม่ควรเข้าไปหา
หลวงพ่อปูพื้นฐานทั้ง ๓ เรื่องนี้ ก็เพื่อจะบอกพวกเราว่า การที่ใครก็ตามเวลาไปไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ มีอาการน้อยใจ มีอาการอิจฉาตาร้อน ก็เพราะว่าในอดีตเคยไม่เต็มใจต้อนรับพระภิกษุที่ไปถึงบ้าน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าภิกษุทั้งหลายตระกูลที่ประกอบด้วยองค์ ๙ ประการ ภิกษุยังไม่เคยเข้าไปหา ก็ไม่ควรเข้าไปหา หรือเข้าไปหาแล้ว ก็ไม่ควรนั่งใกล้ องค์ ๙ ประการคือ
๑. ตระกูลนั้นต้อนรับด้วยความไม่เต็มใจ
๒. ตระกูลนั้นไหว้ด้วยความไม่เต็มใจ
๓. ตระกูลนั้นให้อาสนะด้วยความไม่เต็มใจ
๔. ตระกูลนั้นปกปิดของที่มีอยู่
๕. ตระกูลนั้นมีของมากแต่ถวายของน้อย
๖. ตระกูลนั้นมีของประณีต แต่ถวายของเศร้าหมอง
๗. ตระกูลนั้นถวายโดยไม่เคารพ
๘. ตระกูลนั้นไม่นั่งใกล้เพื่อฟังธรรม
๙. ตระกูลนั้นไม่ยินดีภาษิตของภิกษุนั้น

พูดง่ายๆ ถ้าประพฤติตัวอย่างนี้ ถึงแม้คนๆ นั้นจะเป็นคนที่รักษาศีล ภาวนา พระภิกษุก็ไม่ควรเข้าไปใกล้ เพราะเขาบกพร่องในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ และด้วยอํานาจทาน ศีล ภาวนา ที่ตัวเองทําได้ไม่สมบูรณ์นี้ แม้จะส่งให้ตัวเองไปเป็นเทวดาอยู่สวรรค์ชั้นต่างๆ ได้ แต่ก็เป็นเทวดาชั้นปลายแถว

คนประเภทนี้ เมื่อถึงคราวผลบุญกรรมของตัวเองส่งมา จะมีปมด้อยติดตัว เดี๋ยวก็มีเรื่องน้อยใจ อิจฉาตาร้อนเขา จะหยิบจับอะไร จะหาความภูมิใจได้ยากเพราะจะได้อันดับท้ายๆ

เพราะขนาตพระภิกษุที่เป็นเนื้อนาบุญมาถึงที่ แล้วยังปล่อยหลุดไป อย่างนี้ก็ยากที่จะทําอะไรได้พอเหมาะพอควร

ตระกูลที่พระภิกษุควรเข้าไปหา
ทําอย่างไร เราจะไม่เป็นคนน้อยใจ ไม่อิจฉาใคร และไปไหนๆ ใครๆ ก็ยินดีต้อนรับ เราก็ควรทําให้ตระกูลของเราเป็นตระกูลที่ยินดีต่อการต้อนรับพระภิกษุ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า

ภิกษุทั้งหลาย ตระกูลที่ประกอบด้วยองค์ ๙ ประการ ภิกษุยังไม่เคยเข้าไปหา ควรเข้าไปหา หรือเข้าไปหาแล้วควรนั่งใกล้ องค์ ๙ ประการคือ
๑. ตระกูลนั้นต้อนรับด้วยความเต็มใจ
๒. ตระกูลนั้นไหว้ด้วยความเต็มใจ
๓. ตระกูลนั้นให้อาสนะด้วยความเต็มใจ
๔. ตระกูลนั้นไม่ปกปิดด้วยของที่มีอยู่
๕. ตระกูลนั้นมีของมากก็ถวายมาก
๖. ตระกูลนั้นมีของประณีต ถวายของประณีต
๗. ตระกูลนั้นถวายโดยความเคารพ ไม่ถวายโดยไม่เคารพ
๘. ตระกูลนั้นนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม
๙. ตระกูลนั้นยินดีภาษิตของภิกษุนั้น

ผู้ที่ทำอย่างนี้ ถึงคราวบุญส่งผลก็จะส่งผลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเป็นเทวดาชั้นแนวหน้า ไปที่ไหนก็จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

เพราะฉะนั้น เราทํากรรมอย่างไรมา จะดีหรือไม่ก็ตาม กรรมเหล่านั้นก็จะส่งผลพอเหมาะพอสมกับกรรมนั้นๆ

เรื่องนี้จึงทําให้เราย้อนกลับมาดูตัวเองว่า ที่ผ่านมาเราเป็นคนอย่างไร ทุกอย่างที่ทํามาดี หรือยังบกพร่องตรงไหน รู้แล้วให้รีบแก้ไขเสีย ถ้าไม่แก้ไข ต่อไปถึงคราวบุญส่งผลให้ได้เป็นเทวดาก็มีอานุภาพน้อย อาจจะต้องไปอาศัยวิมานเขาอยู่ หรือมีวิมานเป็นของตนเอง แต่ห่างจากศูนย์กลางออกไปเป็นพันโยชน์

เรื่อง : พระธรรมเทศนาหลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1hWDTCw1IbXMZ3pWlOvMgRru3hheezCk9/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/06YNB_4604/06YNB_4604.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
เหตุที่ทำให้ได้การต้อนรับ เหตุที่ทำให้ได้การต้อนรับ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:59 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.