๒๒ เมษา วันแห่งสันติสุข วันที่โลกได้รับการคุ้มครองด้วยสันติธรรม


โลก ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ที่เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ชาติกว่า ๖ พันล้านคน... โลกจะร่มเย็นเป็นสุข หรือรุ่มร้อนเป็นทุกข์ ก็ขึ้นอยู่กับน้ำมือของมนุษย์ ที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง และกระทำต่อทรัพยากรธรรมชาติของโลก เพราะการกระทำใดๆ ของมนุษย์แม้เพียงเล็กน้อย ล้วนมีผลกระทบถึงสิ่งต่างๆ รอบตัว หากการกระทำนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขต่อมวลมนุษยชาติ โลกก็จะสงบและสันติสุข หากการกระทำใดมุ่งหวังแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จนมองข้ามชีวิตของผู้อื่น โลกก็ย่อมเดือดร้อน เต็มไปด้วยความรุนแรง และไร้ซึ่งสันติภาพ

วันที่ ๒๒ เมษายน วันที่ชาวโลกพร้อมใจกันกําหนดให้เป็น วันคุ้มครองโลก (Earth Day) และยังเป็นวันที่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก และองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก กําหนดให้เป็น “วันธรรมะคุ้มครองโลก” อีกด้วย เพราะตระหนักดีว่า โลกจะสงบร่มเย็นได้ เมื่อชาวโลกปฏิบัติตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ย้อนอดีต ๔ ปีแห่ง “บุญบารมีเพิ่ม
ย้อนอดีตกลับไประลึกถึงความประทับใจ กับคําว่า “พระแท้คือหัวใจของโลกและจักรวาล” ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ ระลอกคลื่นของทะเลผ้ากาสาวพัสตร์นับเรือนแสน ณ วัดพระธรรมกาย ได้เปล่งประกายสีทองสุกปลั่งจนราวกับว่าจะชโลมไล้อาบทาให้เกิดประกายระยิบระยับ งดงามอําไพไปทั่วทุกตารางนิ้วของแผ่นดิน ในพิธีมอบทุนการศึกษาธรรมะแด่พระภิกษุและสามเณร จํานวนกว่า ๑๐๐,๐๐๐ รูปทั่วประเทศ และการตอบปัญหา ธรรมะทางก้าวหน้า “พระแท้” ครั้งที่ ๑ สําหรับพระภิกษุสามเณร

เหล่าพุทธศาสนิกชนเรือนแสนในวันนั้น ต่างตื่นตาตื่นใจกับภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เป็นภาพแห่งความปลื้มปีติโสมนัส เป็น “ทัสสนานุตตริยะ” การเห็นอันประเสริฐ พระภิกษุเรือนแสนที่เมตตาเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมาเป็นเนื้อนาบุญอันเยี่ยมแก่สาธุชน และเพื่อมาร่วมสอบตอบปัญหาธรรมะ

ในปีรุ่งขึ้น ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๓ ชาวโลกได้ร่วมเฉลิมฉลองปีแห่งความสําเร็จกับ “พิธีฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ครั้งที่ ๑” และพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีระดับชาติ เพื่อกองทุนค้ำจุนโลก ครั้งที่ ๔ เราได้เห็น “ช้างงาหลายหัวนักรักสามัคคี” ที่จําลองมาจาก ช้างเอราวัณ ราชพาหนะของท้าวสักกะเทวราช อธิบดีแห่งดาวดึงส์เทวภูมิ ได้ทัศนา “ปาริฉัตรเศรษฐี” ที่กางกั้นท่านผู้มีบุญในการจุดไฟต้นกัป เพื่อฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ เราได้เห็น “แท่นไฟต้นกัป” อันยิ่งใหญ่สง่างามด้วยความสูงจากพื้นถึง ๑๒ เมตร ได้ตอกย้ำความมั่นคงในพระรัตนตรัยด้วยฆ้อน “พะเนินทรัพย์นับอนันต์ พะเนินธรรมย้ำความรวย” เพื่อตอกเสาเข็มมหามงคลเศรษฐี และเสาเข็มจุลมงคลเศรษฐี รวมทั้งได้ เป่า เป๊า เป่า กับ “ทิพย์วารี” และ “มั่นปณิธาน จักรวาลปรีดา เทวาสาธุการ ปิดท้ายด้วยมหาปีติจาก “พลุระเบิดขุมสมบัติ ที่ยิ่งใหญ่ จํานวน ๖ ชุดใหญ่

ถัดมา ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๔ เป็นอีกคำรภหนึ่งที่ผืนแผ่นดินไทยได้รองรับเนื้อนาบุญแห่งโลกคือ พระภิกษุสามเณร พร้อมกันครั้งเดียวกว่าแสนรูป ในพิธีมอบทุนการศึกษาธรรมะแด่พระภิกษุและสามเณร จำนวนกว่า ๑๐๐,๐๐๐ รูปทั่วประเทศ และการตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า พระแท้ ครั้งที่ ๒ ด้วยภาพของผ้ากาสาวพัสตร์อันเปรียบประดุจธงชัยแห่งพระอรหันต์ได้คลี่ขยายปกคลุมแผ่นดินของวัดพระธรรมกาย เพื่อให้สาธุชนสร้างมหาทานบารมีครั้งใหญ่ เห็นครั้งใดย่อมมีแต่ความชุ่มใจในบุญกุศลที่ทับทวีเกิดขึ้นตลอดเวลาที่ได้สนับสนุนให้เหล่าสมณะได้ดำรงชีวิต “สมณะแท้ อย่างสะดวกเหมาะสมต่อการบําเพ็ญสมณะกิจแห่งตน

ล่าสุดปีที่ผ่านมา ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๕ พิธีถวายภัตตาหาร และปัจจัยไทยธรรมเป็นสังฆทาน แด่พระเถรานุเถระจํานวน ๓,๐๐๐ กว่าวัดทั่วประเทศ และพิธีตอกเสาเข็ม เพื่อสถาปนามหาวิหารคุณยาย มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง “หลานคุณยาย” ได้บุญใหญ่ในการแสดงความกตัญญูด้วยการสถาปนาอนุสาวรีย์แห่งความดีของมหาปูชนียาจารย์ผู้สืบสานสายธรรมจากผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ไว้เป็นประจักษ์พยานวัตถุโยงไปสู่คุณธรรมความดีของคุณยายอาจารย์ที่มีความเมตตาอดทนถ่ายทอดคุณธรรมความรู้ และวิชชาธรรมกายให้กับ “หลานคุณยาย” ทุกคนได้สร้างบารมีตามอย่างคุณยาย

เป็นหน้าที่ของ “ลูกหลวงพ่อหลานคุณยาย”
แรงบันดาลใจที่ได้พบเห็นคือ การสร้างบารมีอันยิ่งใหญ่ในแต่ละปีของ “ลูกหลวงพ่อหลานคุณยาย” และเห็นความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ได้กลายเป็นกลไกหลักสําคัญที่ผลักดันให้เหล่าพุทธบริษัทจํานวนมาก หันมารวมพลังกันสร้างความดีโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไข เพื่อทําหน้าที่จรรโลงพระพุทธศาสนา ให้เป็นประดุจแสงแห่งธรรมนําทางสังคมไทยและสังคมโลก ให้อยู่ร่วมกันด้วยสันติภาพและสันติสุข

เพราะการที่โลกจะดำรงอยู่และดําเนินต่อไปอย่างปกติสุขได้นั้น คนในสังคมต้องมีหลักของ หิริ และ โอตตัปปะ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกว่า “โลกบาลธรรม” หรือ ธรรมะอันเป็นเครื่องคุ้มครองโลก “หิริ” คือ ความละอายต่อการทำบาปอกุศล และ โอตตัปปะ คือ ความกลัวต่อการทําบาปอกุศลทั้งปวง เพราะหากปราศจากหลักธรรมทั้ง ๒ ข้อนี้ มนุษย์ย่อมเบียดเบียนกัน ทำบาปอกุศลต่อกัน ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น เมื่อมนุษย์ละอายชั่ว กลัวบาปแล้ว จะได้หันมาควบคุมตนให้ตั้งอยู่ในครรลองคลองธรรม ไม่เบียดเบียนกันทั้งกาย วาจา และใจ นําไปสู่การปฏิบัติขัดเกลาจิตใจ จนสามารถเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน อันจะนํามาซึ่งสันติสุขภายใน และแผ่ขยายไปสู่ชาวโลกได้อย่างแท้จริง

แต่ด้วยว่า ชาวโลกยังขาดโอกาสที่จะได้ศึกษาธรรมะอันทรงคุณค่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทําให้เกิดความวุ่นวายจากกิเสสทั้งสาม คือ โลภะ โทสะ โมหะ อยู่ร่ำไป โดยไม่รู้เลยว่า จิตใจที่ไม่มีธรรมะคุ้มครอง ย่อมเป็นจิตใจที่ไม่สงบ และย่อมกระทบต่อบุคคลรอบข้าง รวมทั้ง ธรรมชาติและสภาพแวดล้อม

จึงเป็นหน้าที่ของ ลูกหลวงพ่อหลานคุณยาย” ผู้มาถึงอู่แห่งทะเลบุญ มาถึงแสงสว่างก่อน จักได้เป็นผู้นำความรู้อันประเสริฐไปสู่ใจชาวโลกให้พบกับความสุขสงบในใจและรู้หน้าที่ที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์ว่า เพื่อสั่งสมบุญบารมีจนกว่าหมดกิเลสเข้าสู่ฝั่งพระนิพพาน รวมทั้ง สถาปนา ศูนย์กลางธรรมกายแห่งโลก” ให้สำเร็จสมบูรณ์ เพื่อรองรับผู้มีบุญทั้งหลายที่จะเดินทางมาสร้างบารมีในภายหลัง อันจะนำไปสู่การเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก ด้วยการสร้างบารมีอย่างทุ่มสุดใจเพื่อให้งานทุกอย่างสำเร็จ เพื่อตามติดพระเดชพระคุณหลวงพ่อและคุณยายอาจารย์ ไปถึงที่สุดแห่งธรรม

วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖







***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1hWDTCw1IbXMZ3pWlOvMgRru3hheezCk9/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/06YNB_4604/06YNB_4604.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
๒๒ เมษา วันแห่งสันติสุข วันที่โลกได้รับการคุ้มครองด้วยสันติธรรม ๒๒ เมษา วันแห่งสันติสุข วันที่โลกได้รับการคุ้มครองด้วยสันติธรรม Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.